สวัสดีชาวโอเวอร์คล๊อกโซน สมาร์ทโฟนแบรนด์ลูกจาก Xiaomi อย่าง POCO จากอินเดีย โดยสมัย Snapdragon 845 ในโมเดล F1 ที่ได้รับกระแสนิยมในบ้านเราเป็นอย่างดี ทุกวันนี้ราคามือสองนั้น ยังเรียกได้ว่าราคาดีอย่างกับรถยนต์ยุค 90 หลังจากที่ทาง Mi 10 นั้นได้เปิดราคาศูนย์ในบ้านเราที่เรียกได้ว่าชวนสาวกส่ายหน้าถ้าเทียบกับเครื่องหิ้ว แล้วก็มีการเปิดตัว POCO F2 Pro ยุคสมัย Snapdragon 865 เครื่องศูนย์ไทยด้วยราคาที่น่าสนใจมาก เริ่มต้นที่ 17,999 บาท จะมาพร้อมกับแรม LPDDR4X 6GB รอม USF 3.1 128GB ที่ POCO F2 Pro เป็นพี่น้องคลานตามกันมากกับ Redmi K30 Pro ที่จัดได้ว่ามันมากับความครบเครื่องตามยุคสมัย รองรับเทคโนโลยี 5G ประสิทธิภาพระดับเรือธงในราคาที่สัมผัสได้ แต่ในหลายๆจุดที่ POCO F2 Pro นั้นจะมีความด้อยกว่าระดับเรือธงของแบรนด์ Xiaomi อย่าง Mi 10 คงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด
Package & Bundled
แพคเกจมาสไตล์ดูเรียบง่ายแบบฉบับของ Xiaomi ตัวกล่อง POCO F2 มาธีมดำตัดกับเหลือง มีการบ่งบอกการรองรับเทคโนโลยี 5G และ Hi-Res Audio ของในชุดที่จะมีคู่มือ, เข็มจิ้มซิม, สาย USB Type-A to Type-C ,ที่ชาร์จ 27 Watt และ เคสใส หูฟังไม่มีต้องซื้อเพิ่มเติมเอง ใครเล่น Xiaomi คงจะรู้กันดีอยู่แล้ว
Design & Detail
การออกแบบดีไซน์ถ้าเรามองแต่ด้านหน้าคงยากที่จะดูออกว่ามันคือรุ่นอะไร ด้วยรูปทรงของหน้าจอ 20:9 ช่วยทำให้เครื่องหน้าจอขนาด 6.67 นิ้ว แต่ยังจับมือเดียวได้ถนัด ถ้าใครนิ้วโป้งยาวก็ยังพอใช้งานมือเดียวได้อยู่ โดยขนาดจะอยู่ที่ 163.3 x 75.4 x 8.9 มม. น้ำหนัก 219 กรัม ในยุคสมัยนี้ Xiaomi จะมีการติดฟิล์มกันรอยมาให้จากโรงงาน ตัดปัญหาเรื่องหาฟิล์มยาก แต่ถ้าใครอยากติดกระจกกันรอยเต็มหน้าจอแนะนำว่าซื้อเคสเพิ่มด้วยครับ เดี๋ยวฟิล์มจะลอยได้ เทคโนโลยีชาร์จไวแบบ 30Watt มาตรฐาน Quick Charge 4.0+ จาก 0-100% ภายใน 63 นาที
หน้าจอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว กระจกด้านหน้า Gorilla Glass 5 ความถี่ 60 Hz ความละเอียด FHD+ ที่ 1080x2400 สัดส่วน 20:9 โดยจะมาพร้อมกับเทคโลโลยี HDR10+ ด้วยการออกแบบตัวเครื่องหน้าจอเต็มขอบ ที่จะไม่มีการแหว่ง หยดน้ำ หรือ เจาะรู กล้องหน้าต้องเป็นแบบ Pop-Up และ ลำโพงสนทนาต้องย้ายไปอยู่ขอบเครื่อง พร้อมกับไฟ LED แจ้งเดือนที่จะซ่อนอยู่บริเวณลำโพง หลายๆคนอาจคิดว่ามันคือแสงรอดจากหน้าจอได้
ด้านหลังที่เป็นกระจก Gorilla Glass 5 ตัวเครื่องที่ผมได้รับมาทดสอบเป็นสี Phantom White โดยจะมีทางเลือกของสีคือ Neon Blue ,Electric Purple และ Cyber Gray ที่การออกแบบมีส่วนโค้งนั้นทำให้จับเครื่องได้ถนัดมากขึ้น การออกแบบเหมือนกับ Redmi K30 Pro แต่ POCO F2 Pro มีสีสันให้เลือกที่หลากหลายมากหว่า
แกนกลางโครงบอดี้ที่จะใช้วัสดุอลูมิเนียม ขัดขึ้นเงามาดูสวยขึ้นมามาก ฝั่งด้านซ้ายจะไม่มีปุ่มกด มากันแบบเรียบๆ
ด้านซ้ายที่จะปุ่มพาวเวอร์ที่ทำเป็นสีแดง พร้อมกับปุ่มเพิ่มและลดระดับเสียง โดยส่วนตัวผมชอบนะกับการใส่ลูกเล่นแบบนี้
ด้านบนนั้นที่หลายๆคนคงจะดีใจ นั้นรองรับการเชื่อมต่อชุดหูฟัง 3.5 มม. ทางด้านการใช้งานจะมีไมค์ตัดเสียงรบกวน อีกสิ่งเป็นจุดเด่นของ Xiaomi คือ IR Blaster ใช้ควบคุมอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า และ กล้อง POP-UP ที่กล้องหน้าต้องโดนย้ายมาเพราะการออกแบบหน้าจอเต็มพื้นที่
ในส่วนด้านล่างที่มีการเชื่อมต่อ USB Type-C พร้อมกับไมค์และลำโพง ถาดใส่ซิมการ์ดที่จะลงมาอยู่ด้านล่าง เป็นการออกแบบที่แปลกดี
ถาดใส่ซิมรองรับแบบ Dual Nano Sim Card ที่ตัวถาดจะมียางกันน้ำ โดยทางด้านสเป็คที่รองรับมาตรฐาน IP53 ในการใช้งานทั่วไปถือว่ามีมาให้พอสมควรครับ
กล้องมาเป็นแผง ด้วยพื้นที่กล้องวางเป็นวงกลม พร้อมกับทูโทนแฟลช ฟีเจอร์การถ่ายภาพครบเครื่องตามแบบฉบับของ Xiaomi รองรับการถ่ายวีดีโอได้สูงสุดระดับ 8K@30p หรือ 1080p@960p โดยกล้องหลัก Sony IMX686 Exmor RS 64 MP f/1.9 ,กล้องซูมหรือมาโคร Samsung S5K5E9 5 MP f/2.2 ,กล้องมุมกว้างพิเศษ Samsung S5K3L6 13 MP f/2.2 และ กล้องชัดลึก 2 MP f/2.4
กล้องหน้าแบบ POP-UP โดยตัวเซ็นเซอร์ Samsung S5K3T2 20 MP f/2.2 รองรับการถ่ายวีดีโอ 1080p@30p หรือ 720p@120p โดยการออกแบบของตัวกล้อง POP-UP ที่จะสามารถป้องกันเหตุไม่คาดฝันจากการทำเครื่องหล่นขณะการใช้งานได้ โดยถ้าเครื่องหล่นแรงๆ แล้วตัวกล้องจะเก็บเอง เท่าที่ผมทดลองมากล้องมันก็เก็บเอง
การใช้งาน
ทางด้านของรอมที่จะเป็น Android 10 ครอบด้วย Miui เวอร์ชั่น 11 ที่ยังมาพร้อมกับ Luancher ของ POCO ที่จะมีความแตกต่างจาก Launcher ของ Miui 11 ในการใช้งานเล็กน้อย ซึ่งผู้ใช้งานนั้นสามารถปรับแต่ง Ui ได้มากมายจาก Themes สำเร็จรูปหรือตามความต้องการ รองรับ Dark Mode ตามยุคสมัย การทัสหน้าจอที่ให้ความรู้สึกติดนิ้วหรือตามนิ้วที่สั่งดี คงเนื่องมากจากหน้าจอทัสสกรีนมันมีค่าความถี่ที่ 180Hz ที่ในการแง่การใช้งานทั่วไปถือว่าดีครับ
ประสิทธิภาพในการทดสอบ AnTuTu ที่จัดได้ว่าอยู่ระดับหัวแถวในยุค เพราะหัวใจหลักมันคือ Snapdragon 865 ในการงาน และ การเล่นเกม ที่ต้องยอมรับประสิทธิภา่พที่ทำได้ พร้อมกับ POCO F2 Pro มีการใส่ LiquidCool 2.0 ระบายความร้อนซีพียูด้วยของเหลว ที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์ในการใช้งานที่ดีขึ้น
การปลดล็อกตัวเครื่อง ที่สามารถใช้ลายนิ้วมือบริเวณหน้าจอ ที่ความไวถือว่าทำออกมาใช้ได้ โดยถ้าจะเปลี่ยนเป็นฟิล์มแบบกระจกแนะนำว่าควรจะตั้งค่าลายนิ้วมือใหม่ ส่วนการปลดล็อกด้วยใบหน้าแบบ 2D ที่สามารถใช้งานในที่แสงน้อยได้ดีพอสมควร หรือ ในยุคของ New Normal ใส่หน้ากากอนามัย ที่ยังสามารถปลดล็อกเครื่องได้เช่นกัน
การใช้งานทางด้านความบันเทิง ข้อดีของ POCO F2 Pro พื้นที่ของหน้าจอคิดเป็นประมาณ 87.2% ของตัวเครื่อง พร้อมกับไร้จอที่ไม่แหว่ง ,ไม่ติ่ง และ ไม่หยดน้ำ ด้วยขนาดจอ 6.67 นิ้ว แบบ AMOLED ที่เรียกได้ว่าเต็มตาสะใจในการดูหนังหรือดูคลิปวีดีโอต่างๆ คอนเทนต์จาก Netflix ที่รองรับความละเอียดระดับ HD ที่ในการใช้งาน Netflix หรือ Youtube เราสามารถขยายหน้าจอไม่ให้เห็นขอบดำได้ แต่เรื่องที่รู้สึกขัดใจผมก็คือ HDR10+ ที่ไม่ได้รู้สึกตื่นตากับสีสันอะไรกับมันมาก จากที่ผมเล่น และ รอง เครื่องรุ่นอื่นที่เป็นหน้าจอ HDR มันให้สีสันที่โหดกว่า POCO F2 Pro แต่ถ้าใครเกิดมายังไม่เคยใช้สมาร์ทโฟนที่มีเทคโนโลยี HDR พอมาเจอ POCO F2 Pro ก็พึงพอใจกับสีสันที่สดใสขึ้นมาได้
การเล่นเกมที่ด้วยหัวใจหลัก Snapdragon 865 ที่จัดจ้านที่สุดในฝั่ง Android การเล่นเกมสามารถปรับกันได้สุดในยุค 2020 แน่นอนครับ ความไหลลื่นจัดว่าเด็ด พร้อมกับการเล่นเกมบนหน้าจอแสดงผลยุคใหม่สัดส่วน 20:9 ที่เล่นกันได้สะดวกดี แต่ก็คงกลับมาสะดุดที่หน้าจอมันเป็นแบบ 60Hz ถ้าจะไปคุยโวกับพวกระดับเรือธง ความไหลลื่นคงยากที่จะสู้กับหน้าจอ 90 หรือ 120 Hz ได้ ถ้า POCO F2 Pro ใส่หน้าจอ 75Hz คงจะเพิ่มความเด็ดในการไปใช้เล่นเกมได้มากกว่านี้ครับ
กับการใช้งานกล้องที่ POCO F2 Pro มันใส่ฟีเจอร์กันมาอย่างครบถ้วน เช่น AI ,HDR ,การถ่ายระยะประชิด หรือ ฟิวเตอร์ต่างๆ ที่ทำออกมาได้ดีตามสไตล์ของ Xiaomi ,Redmi หรือ POCO ครับ โดยหลักจะมีโหมดการใช้งานคือ ถ่ายวีดีโอสโลโมชั่น ,วีดีโอสั้น ,วีดีโอ ,รูปถ่ายปกติ ,64M ,ภาพบุคคล ,ภาพกลางคืน ,พานอรามา และ โปร ยังสามารถใช้ระยะของการถ่ายภาพได้แบบ Ultra Wide 0.6x ,Wide 1x และ ซูม 2x ตามการรองรับแต่ละโหมด โดยยังรองรับการซูมดิจิตอลได้สูงสุด 10x ที่จัดได้ว่าครบเครื่อง ถ้าลองดูจากภาพถ่ายตัวอย่างด้านท้าย ที่เราจะเห็นว่าระยะ Ultra Wide 0.6x ,Wide 1x และ ซูม 2x โทนสีของภาพที่จะออกมาดูอตกต่างกันบ้างนะครับ โหมดกลางคืนทำออกมาใช้ได้แต่ก็ยังดีไม่สุดตามสไตล์ของ Xiaomi ที่ต้องพึ่ง GCam โหมดกลางคืนจะทำได้ดีมากขึ้น ในการถ่ายภาพบุคคลที่ทำละลายได้เนียนพอสมควร แต่บางจุดอาจละลายเกินเลยไปบ้างครับ **** ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องอยู่ด้านท้ายบทความครับ *** การถ่ายวีดีโอที่ทำได้ตามราคา การกันสั่นที่ทำออกมาพอใช้ได้ ด้วยความละเอียดสูงสุดระดับ 8K ที่ทำได้เทียบชั้นกับระดับเรือธง
ในโหมดการถ่ายภาพแบบมือโปร ที่ผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าการถ่ายภาพได้อย่างใจนึกมากขึ้น ยังสามารถรองรับการถ่ายภาพที่ความละเอียด 64 ล้านได้เช่นกัน
เทคโนโลยี 5G ที่ยังไม่สามารถใช้งานได้ ส่วน 4G ที่รองรับกันแบบ 2CA ครับ ทางด้านการเชื่อมต่อกับเครือข่ายไร้สาย Wi-Fi 6 หรือ Wireless AX ที่เราจะสามารถใช้งานอินเตอร์เน็ตได้ความเร็วระดับเกือบ Gigabit ต้องใช้งานร่วมกับ Wi-Fi 6 หรือ Wireless AX Router ด้วยครับ
สำหรับผู้ใช้ Xiaomi ,Redmi หรือ POCO ครั้งแรกที่อาจจะตกใจในกรณีของโฆษณา จากการใช้งานหรือแอปติดเครื่อง ในภาพจะเป็นการติดตั้งแอปจาก Google Play ก็ยังมีโฆษณาขึ้นมา โดยผู้ใช้งานสามารถปิดได้ โดยเข้าไป Setting และ Disable "Receive recommendations" ได้ครับ ถ้าเจอตอนไหนก็ไปปิด พอปิดจนครบมันก็ไม่ขึ้นมากวนใจ
Conclusion
POCO F2 Pro ถ้าเรามองในแง่ของความสุดทางด้านเทคโนโลยีและการใช้งานต่างๆนั้น คงเอาไปเทียบเท่ากับสมาร์ทโฟนระดับเรือธงของยุค 2020 หรือ Snapdargon 865 ตัวอื่นไม่ได้ แต่สิ่งที่ POCO F2 Pro นั้นสามารถเชิดชูได้คือราคาเปิดตัวของศูนย์ไทยเริ่มต้น 17,999 บาท ที่เราจะได้สมาร์ทโฟนขุมพลัง Snapradgon 865 พร้อมกับกล้องหลัง 4 ตัว ซึ่งในราคาระดับนี้ ถ้าเทียบกันที่สเป็คแล้วยากจะหาใครมาเทียบชั้นกับ POCO F2 Pro ในแง่ประสิทธิภาพความเร็ว ในการใช้งาน หรือ การเล่นเกมในยุค 2020 นั้น POCO F2 Pro สามารถตอบโจทย์ได้ดีชัดเจนครับ พร้อมกับการระบายความร้อนด้วย LiquidCool 2.0 เล่นเกมหนักๆ เสียบที่ชาร์จเล่นกันต่อเนื่องก็ยังสามารถระบายความร้อนได้เป็นอย่างดี ทางด้านของแบตความจุ 4700 mAh ที่ใช้งานระดับ 1 วันได้ยังเหลือๆ แต่มันก็สะดุดตรงที่จอ 60Hz ถ้าจะไปเทียบชั้นกับความเป็นเรือธงคงยังห่างชั้นไป ถ้าทาง POCO ใส่จอ 75Hz มันจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจมากขึ้น แล้วเทคโนโลยี HDR10+ การใช้งานทางด้านความบันเทิง ที่สีสันการแสดงผลควรจะสดใส สีจัดจ้านมากขึ้น แต่กลับกลายผมไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นกับ HDR10+ สีสันมันก็ไม่ได้ดูสดใสอะไรขึ้นมาก แต่ถ้าใครยังไม่เคยใช้จอที่รองรับเทคโนโลยี HDR มาก่อน อาจรู้สึกตื่นเต้น รู้สึกดูดีได้ครับ ถ้ามีงบประมาณมากพอหรือรับได้กับราคา Mi 10 ศูนย์ไทย ที่ POCO F2 Pro อาจไม่ใช่ทางเลือกที่ลงตัวนัก หรือ ไม่เน้นกับ Snapradgon 865 เน้นกันที่การใช้งานตามยุคสมัยในราคาที่สบายกว่า POCO F2 Pro ที่มีทางเลือกได้หลากหลายมาก ที่ทาง Xiaomi ก็จัดการซอยออกมาหลายโมเดลตามความต้องการของผู้ใช้งาน โดย POCO F2 Pro คงมีจุดเด่นที่ราคาค่าตัวเริ่มต้นไม่ถึงสองหมื่นบาท แล้วได้หัวใจหลัก Snapradgon 865 ทางด้านการใช้งานจุดต่างๆนั้นอาจสู้กับสมาร์ทโฟนระดับเรือธงของยุค 2020 ไม่ได้ แต่สิ่งที่ให้มากับ POCO F2 Pro ถือว่าทำออกมาได้สมกับค่าตัวก็แล้วกัน สำหรับวันนี้ผมก็ต้องขอลากันแต่เพียงเท่านี้ สวัสดีครับ
Price : Ram 6 GB + Rom 128 GB : 17,999 บาท
Special Thanks : Xiaomi (Thailand) Inc.