เราเคยเห็นหูฟังตัวนี้ตั้งแต่ช่วงงาน Gamescom 2019 ซึ่ง ROG ชูมันว่าเป็นหูฟังไร้สายตัวแรกของโลกที่ออกแบบมาเพื่อเครื่อง Nintendo Switch และยังสามารถใช้งานในลักษณะเดียวกันร่วมกับสมาร์ทโฟนอื่นๆ ผ่านพอร์ต USB-C มาถึงตรงนี้หลายๆ คนอาจจะงงว่าพอร์ต USB-C มาเกี่ยวอะไรด้วย คำตอบก็คือ มันถูกใช้เชื่อมต่อกับ Wi-Fi Dongle เพื่อแทนที่สัญญาณบลูทูธ ดังนั้นมันจึงไม่ต้องเสียเวลาในการ Pair เมื่อคุณเปลี่ยนไปใช้งานกับอุปกรณ์ตัวอื่นๆ
ก่อนจะไปดูดีไซน์ในจุดต่างๆ ของหูฟังหรือบทวิจารณ์เรื่องเสียง อยากให้ดูเรื่องสเปคของมันกันบ้างคร่าวๆ ส่วนใครที่ไม่สนใจจะข้ามไปเลยก็ได้นะครับ
Specification
- USB (wireless 2.4GHz) 3.5 mm. Audio/mic combo
- 40 mm. Driver/ Neodymium magnet
- Battery Lithium Polymer
- Up to 25 Hours per charge
- 3 Hours with 15 minutes fast charging
- Microphone boom: Bi-directional
- AI Noise Cancellation with Omni-directional mic
- 3.5 mm audio cable: 1.2 m
ดูดีในสไตล์ที่ต่างจากหูฟังเกมมิ่ง
โดยส่วนใหญ่หูฟังสำหรับการเล่นเกมดีไซน์มันออกจะล้ำๆ ออกไปทางแนวอวกาศเสียมากกว่าดีไซน์เรียบหรู เคร่งขรึมแบบที่ ROG Strix GO 2.4 นำมาใช้ ถึงอย่างนั้นเรามองว่ามันเป็นการเลือกดีไซน์ที่ถูกต้อง เพราะว่าหูฟังตัวนี้ถูกออกแบบให้ใช้งานกับอุปกรณ์พกพาได้ด้วย เมื่อสวมใส่ออกนอกบ้านมันก็ไม่เป็นที่สะดุดตา แถมมันยังดูดีแบบที่ไม่เคยเห็นอีกด้วยสำหรับคนทั่วไป โดยเฉพาะดวงตาและตัวอักษร ROG ปั้มลงไปกลางฝาเอียร์คัพด้านนอก
ในส่วนของการก้านคาดศรีษะ แกนแขวนหูฟัง หรือแม้แต่เอียร์ครัชชั่นล้วนออกแบบมาได้ดีมาก ปรับเข้ากับรูปใบหน้าง่าย ปรับระดับระยะความสูงต่ำอย่างยืดหยุ่น ให้ความกระชับได้เป็นอย่างดีโดยไม่กดทับมากเกินไป ง่ายๆ คือ ดีมากในระดับ 8.5 เต็ม 10 ที่ต้องหักออกนิดหน่อยเพราะเรื่องความนุ่มนวลของวัสดุที่ใช้กับก้านคาดและเอียร์ครัชชั่นยังไม่นุ่มนวลมากนักเมื่อเทียบกับแบรนด์ดังของตลาด แถมเอียร์ครัชชั่นก็ถอดออกมาไม่ได้อีกต่างหาก
ตำแหน่งการควบคุมอยู่ทางหูฟังฝั่งซ้าย ไล่มาตั้งแต่ปุ่มจ้อกกิ้งเพิ่มลดเสียงและกดเพื่อ Mute ไมโครโฟน ปุ่มควบคุมการเล่นเพลง กด 1 ครั้ง หยุดหรือเล่น กด 2 ครั้งข้ามแทรก กด 3 ครั้ง ย้อนกลับไปแทรกที่ผ่านมา ถัดลงมาก็คือสวิทช์เลือกโหมดการทำงาน ไฟสถานะการทำงาน และช่องต่อสายสัญญาณ 3.5 มิลลิเมตรแบบออดิโอคอมโบ ส่วนฝั่งขวาจะมีแค่พอร์ต USB-C สำหรับชาร์จพลังงาน
Wireless Dongle ที่ไม่เหมือนใครการเชื่อมต่อไร้สายของหูฟัง ROG Strix GO 2.4 จะใช้อะแดปเตอร์ USB-C ซึ่งนอกจากจะรองรับการทำงานกับ Nintendo Switch แล้ว สมาร์ทโฟนหรือแทบเล็ตแอนดรอยด์ก็ใช้งานได้ด้วยอย่างเช่นโทรศัพท์ Pocofone F1 รวมถึงเครื่องพีซีและ PS4 ส่วนระยะห่างสูงสุดตามที่ Asus แจ้งเอาไว้จะอยู่ราว 20 เมตร
ในแง่ของดีไซน์อาจจะดูแปลกๆ โดยเฉพาะการใช้งานกับเครื่อง PS4 และ PC ที่ต้องใช้อะแดปเตอร์ USB-C to USB 2.0 (Type-A) ส่วนการใช้งานกับ NSW (ตัวย่อ) เสียบใช้งานได้เลยจึงไม่ดูแปลกตาเท่าไหร่ ตรงนี้ถือว่ามันทำงานในโหมดพกพาได้เป็นอย่างดี ส่วนอุปกรณ์ที่ไม่ได้กล่าวมาก็สามารถใช้งานผ่านช่องต่อ 3.5 มิลลิเมตร ดังนั้นมันจึงทำงานได้กับทุกแพลตฟอร์มจริงๆ
ไมค์ก้านยาว ตัดเสียงได้ดี
นอกจากก้านไมค์จะยาวแล้ว ไมโครโฟนของหูฟังตัวนี้ยังมีระบบ AI ช่วยในการตัดเสียงรบกวน ซึ่งมันสามารถปรับแต่งเพิ่มเติมได้จากซอฟต์แวร์ Armouray II ในการเพิ่มความเคลียร์ของเสียงหรือระดับของการกำจัดเสียงรบกวน แน่นอนว่าในการประเมินของเราจะลดหรือปิดฟีเจอร์เหล่านั้น ผลที่ได้ก็คือ ไมค์มีการตัดเสียงรบกวนที่ดีพอสมควรเลย พวกเสียงลมของแอร์ หรือแม้แต่เสียงเพลงจากหูฟังที่เปิดฟังอยู่ถูกตัดออกไปอย่างสมบูรณ์ นอกจากนั้นเสียงจากปุ่มคีย์บอร์ดแบบ Machanic ขณะเล่นเกมก็เล็ดลอดเข้าไปน้อยมาก อยู่ในระดับที่ไม่รบกวนสมาธิของเพื่อนร่วมทีม อย่างไรก็ตาม มันก็รองรับการทำงานร่วมกับแอพพลิเคชันสื่อสารสำหรับวงการเกมอย่่าง Teamspeak และแพลตฟอร์ม Discord ด้วย ส่วนคุณภาพเสียงโดยรวมก็ถือว่า อยู่ในเกณฑ์ที่ดี เสียงชัดเจน แต่โทนเสียงจะผิดไปจากเสียงจริงนิดหน่อย เนื่องจากมันผ่านการประมวลผลหรือสังเคราะห์เสียงมาแล้วนั่นเอง (ทำงานในโหมดไร้สาย)
เสียงออกแนวนุ่มนวลและสมดุลในทุกๆ ย่าน
เราขอข้ามเรื่องซอฟต์แวร์ Armouray II เพราะมันไม่ได้มีอะไรที่ต่างจากหูฟัง ROG Theta 7.1 เลย มีแค่เรื่องการปรับแต่งหรือเปิดใช้ระบบเสียงรอบทิศทางที่ทำงานร่วมกับไดรเวอร์ 8 ตัวมาเป็นไดรเวอร์ 2 ตัวในแบบจำลองเท่านั้น ซึ่งเข้าไปดูขอบเขตการตั้งค่าได้จากลิงก์นี้เลย คลิก
ทาง ROG ใช้ไดรเวอร์ Asus Essence ขนาด 40 มิลลิเมตร พร้อมกับดีไซน์ airtight chamber สำหรับหูฟังตัวนี้ ซึ่งจริงๆ ยังมีแบ็คกราวน์ดอื่นๆ อีกมาก ถึงอย่างนั้นหูฟังตัวนี้ก็ผ่านข้อกำหนดและได้ใบรับรอง Hi-Res Audio แต่จะครอบคลุมเฉพาะการใช้งานผ่านสายเคเบิ้ล 3.5 มม. เท่านั้น แน่นอนว่า นอกจากหูฟังแล้ว คุณก็ต้องมีไฟล์ Hi-Res และเครื่องเล่นที่ถอดรหัสไฟล์ Hi-Res ได้ด้วย เพื่อที่จะสัมผัสได้ถึงคุณภาพเสียงที่แท้จริงของมัน
ดังนั้นบทวิจารณ์เรื่องเสียงต่อไปนี้จะมีขอบเขตเฉพาะการใช้งานผ่านระบบไร้สายเท่านั้น เริ่มจากฟังเพลงก่อน ในโหมดไร้สายนี้เสียงมันไม่ได้จัดจ้านและหนักแน่นเหมือนกับเสียงจากพวกหูฟังของ Beat แต่จะออกแนวหวานนุ่มใสๆ โปร่งๆ มีรายละเอียดที่ดี เสียงสูงออกแนวสดใสแบบกลางๆ มีเสียงเบสลึกๆ ให้ได้ยินชัดเจน อิมแพคเสียงต่ำมีพอสมควร ส่วนการเล่นเกมมันก็ทำได้อย่างมีอรรถรส โดยเฉพาะเกมของทางฟากปู่นินที่เน้นเสียงเมโลดี้แบบสดใส ส่วนเกมแนว FPS ก็ทำได้สนุกสนานเช่นกัน เสียงรอบทิศทางอย่างเช่น ระเบิด ปืน หรือเครื่องบินตลบอบอวลไปทั่วไป ทว่าคนที่กำลังคิดว่าจะใช้กับเกมแนว FPS Survival ได้มั้ย คำตอบคือ ได้ แต่ต้องผ่านการปรับจูนบนซอฟต์แวร์ด้วยตัวคุณเองให้ดีเสียก่อน ค่าเดิมๆ ที่มีให้ยังเน้นเสียงฝีเท้าให้ได้ไม่มากพอ
Conclusion
จากบรรดาหูฟังทั้งหมดที่เราได้รับมารีวิวในปี 2019 หูฟัง ROG Strix GO 2.4 ถือว่าเป็น 1 ใน 3 ที่เราชื่นชอบมากๆ เนื่องจากมันเป็นหูฟังที่ใช้งานได้อย่างครอบคลุม ใช้งานได้กับเครื่องเล่นเกมคอนโซล เครื่องพีซี สมาร์ทโฟนฝั่งแอนดรอยด์ รวมถึงอุปกรณ์ทุกชนิดที่ขับเสียงผ่านช่องต่อ 3.5 มิลลิเมตร ที่สำคัญก็คือ ใช้งานต่อเนื่องได้โดยไม่ปวดหัวจากการบีบขมับ แถมสไตล์เสียงที่นุ่มนวล มีความสมดุลในทุกๆ ย่านอย่างไม่น่าเชื่อจากดีไซน์แบบ Close-Back และจากการทดลองฟังเสียงผ่านสาย 3.5 มม. กับไฟล์ Hi-Res แบบคร่าวๆ ... ผลก็คือ ให้เสียงที่น่าประทับใจมาก ต่างจากระบบเสียงแบบไร้สายพอสมควร แต่ย้ำก่อนนะครับตรงนี้เป็นการฟังแบบคนธรรมดาทั่วไป ไม่ลึกซึ้งอะไรมากมาย นอกจากนั้นแล้วค่าอิมพีแดนซ์ราว 32 โอห์มก็ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องอุปกรณ์ขับเสียงในกรณีใช้งานผ่านสาย สมาร์ทโฟนทั่วไปก็ขับออกได้สบายๆ ส่วนเรื่องของราคาในประเทศไทย ณ วันที่เขียนยังไม่ทราบแน่ชัด ในต่างประเทศพอจะหาข้อมูลมาได้อยู่ที่ประมาณ 199 เหรียญสหรัฐ
Price : N/A บาท
Special Thanks : ASUSTek Computer (Thailand) Co.,Ltd.