เมื่อพูดถึงอินเทอร์เน็ตไร้สายระยะไกล หลายๆ คนคงจะหวนนึกถึง WiMax ซึ่งคอนเซปต์การนำไปใช้หรือการคิดค้นเพื่อแก้ไขปัญหาของเทคโนโลยี White-Fi นั้นถือว่าใกล้เคียงกัน ต่างกันที่เทคโนโลยีนี้หรือในอีกชื่ออย่าง 802.11af หรืออาจจะเรียกว่า “White-Fi” มันได้ถูกใช้งานอย่างจริงจังแล้ว ไม่เหมือนกับ WiMax ที่ล้มเหลวตั้งแต่เริ่มทดลองใช้งานจริง แน่นอนว่า เจ้าเทคโนโลยีไร้สายใหม่นี้ได้เริ่มใช้งานแล้วทั่วโลกในการส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตระยะไกล ซึ่งสามารถไปได้ถึง 10 กิโลเมตร
เทคโนโลยีนี้ถือเป็นตัวเปลี่ยนเกมที่แท้จริงสำหรับผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในเขตชนบทที่เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์อื่นๆ เข้าไม่ถึง และเหตุผลสำคัญอีกข้อก็คือ มันสามารถทะลุทะลวงสิ่งกีดขวางหลายๆ ชั้นได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นกำแพงหรือต้นไม้ ด้วยคุณลักษณะนี้มันเองก็อาจจะมีประโยชน์กับเครือข่าย IoT ในเขตเมืองเช่นกัน ซึ่งรายละเอียดด้านล่างนี้จะบอกคุณว่า มันทำงานได้ดีแค่ไหน และทำไมในทางเทคนิคแล้วมันไม่ใช่ Wi-Fi
802.11af, White-Fi ตกลงแล้วมันคืออะไรกันแน่ ?
มาตรฐานไร้สาย 802.11af มักจะถูกเรียกแทนกันใน 2 ชื่อ ที่มาของการเรียกของ Super Wi-Fi ก็เพราะมันยอดเยี่ยมดังซุปเปอร์แมน ซึ่งหมายถึงการที่มันส่งสัญญาณไปได้ไกลกว่า Wi-Fi ทั่วไป ส่วนชื่อ White-Fi เนื่องจากถูกใช้งานในช่องว่างของคลื่่นความถี่หรือช่องที่ว่างอยู่นั่นเอง นอกจากนี้ในทางเทคนิคแล้วมันเองก็ไม่ใช่ Wi-Fi เพราะจริงๆ แล้วทาง Wi-Fi Alliance ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับมาตรฐาน 802.11af เสียด้วยซ้ำ ดังนั้นจากนี้ต่อไป เราจะเรียกมันว่า White-Fi แทน เพื่อไม่ให้สับสนกันอีก

"จากการนำ White-Fi ไปใช้งานทั่วโลก ส่วนใหญ่จะทำการส่งสัญญาณจากสถานีหลักไปยังสถานีฐานในพื้นที่หรือที่พักอาศัย จากนั้นจะทำการแปลงสัญญาณให้เป็น Wi-Fi ความถี่ 2.4GHz หรือ 5GHz เพื่อส่งสัญญาณไปยังผู้ใช้งาน"
โอกาสที่จะเป็นไปได้จริงในแต่ละประเทศ
ด้วยการที่เทคโนโลยีมันต้องอาศัยคลื่นความถี่ การนำไปใช้งานจริงในเชิงพานิชย์หรือทดสอบก็จะต้องผ่านการอนุญาติจากหน่วยงานที่กำกับดูแลการใช้งานคลื่นความถี่ของแต่ละประเทศ อย่างในประเทศไทยก็ กสทช ดังนั้นในหลายๆ ประเทศมันจึงเกิดความล่าช้าในการที่จะเริ่มต้นหรือแม้แต่ทำการทดลอง แต่ก็มีหลายประเทศแล้วที่ White-Fi ถูกใช้งานระหว่างคลื่นความถี่ของช่องทีวี อย่างไรก็ดี ในแต่ละภูมิภาคก็มีช่องว่างระหว่างคลื่นไม่เหมือนกันและต่างความถี่ อย่างกรณีประเทศไทย คลื่นความถี่ 900MHz ถูกใช้ในกิจการโทรศัพท์ ส่วนคลื่น 1GHz คาดว่าน่าจะใช้งานอยู่ในกิจการดาวเทียม ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงคือ ไม่ว่าเทคโนโลยีใดๆ ที่ทำงานบนคลื่นความถี่จะต้องถูกทำให้แน่ใจว่า จะไม่ไปรบกวนคลื่นความถี่ที่ให้บริการอยู่เดิม
ตัวอย่างการใช้งานคลื่นความถี่หรือ Spectrum ของสหรัฐอเมริกา