ตลาดหน่วยความจำกำลังเผชิญภาวะขาดแคลนอย่างรุนแรง โดยราคาแบบสัญญารายเดือน (Contract Price) ของ DRAM หลัก ๆ ในเดือนธันวาคมปรับขึ้น 80–100% ตามข้อมูลจาก Gerry Chen ผู้จัดการทั่วไปของ Team Group ซึ่งระบุว่าการขึ้นราคาที่รุนแรงนี้เป็นเพียง “จุดเริ่มต้น” ของวัฏจักรขาขึ้นรอบใหม่ (Memory Upcycle) ที่จะกินเวลาหลายปี และเตือนว่าผลกระทบรุนแรงที่สุดจะเกิดขึ้นใน ครึ่งแรกของปี 2026 เมื่อสต๊อกของผู้จัดจำหน่ายหมดลง
ผลกระทบเริ่มเห็นได้ชัดแล้วในต้นทุน Bill of Materials (BOM) ของผู้ผลิตพีซีและโน้ตบุ๊ก โดยสัดส่วนต้นทุนด้านหน่วยความจำเพิ่มจากระดับ หลักสิบกลาง → หลักยี่สิบกลาง หรือสูงกว่า ขึ้นอยู่กับสเปกของเครื่อง
ราคา DDR5 และ SSD ปรับขึ้นในภาพรวม 2–3 เท่า ขณะที่ราคา DRAM โดยรวมเพิ่มขึ้นถึง 171.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน ผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ (Cloud Service Providers) กำลังเร่งล็อกโควตาหน่วยความจำไปจนถึงปี 2026–2027 ทำให้ซัพพลายที่เหลือสำหรับตลาดผู้ใช้ทั่วไปและตลาดแมสยิ่งตึงตัวกว่าเดิม
แม้แต่ Hyperscaler รายใหญ่ในสหรัฐฯ และจีน ก็ยังไม่สามารถจองปริมาณ DRAM ได้เต็มตามต้องการ โดยออเดอร์รวมถูกจองล่วงหน้าไปถึงประมาณ 70% ของกำลังผลิตที่รองรับได้ ทำให้ “สต๊อกความปลอดภัย” ที่หลายบริษัทเคยเชื่อว่ามี…แทบไม่เหลืออยู่จริง
สาเหตุหลักของปัญหาขาดแคลนมาจาก “การเปลี่ยนทิศทางดีมานด์” ของอุตสาหกรรม ช่วงนี้กำลังผลิตจำนวนมากถูกเบนไปใช้ทำ HBM (High-Bandwidth Memory) สำหรับชิป AI Accelerator ทำให้เหลือกำลังผลิตของ DRAM และ NAND แบบทั่วไปน้อยลงอย่างมาก การสร้างโรงงานใหม่หรือขยายกำลังผลิตต้องใช้เวลาหลายปี จึงคาดว่าซัพพลายจะไม่กลับเข้าสู่ภาวะสมดุลจนกว่าจะถึง ปลายปี 2027 หรือ 2028
Team Group ระบุว่าบริษัทจะให้ความสำคัญกับลูกค้าในสาย AI เป็นหลัก และปรับสัดส่วนผลิตภัณฑ์ตามสถานการณ์ ส่วนตลาดเฉพาะทางอย่างเกมมิง อุตสาหกรรม การทหาร และอุปกรณ์การแพทย์ น่าจะได้รับผลกระทบน้อยกว่าตลาดแมสอย่างพีซี โน้ตบุ๊ก และ Chromebook
ที่มา: DigiTimes



