หลายๆ คนน่าจะรู้จักเกมส์ประเภท Battle Royale ดี ว่าเป็นเกมส์ที่ให้ผู้เล่นลงไปปะทะกันจนกว่าจะเหลือคนสุดท้าย หรือทีมสุดท้าย โดยในปัจจุบันก็มีเกมส์ประเภทนี้ที่ดังๆ อยู่จำนวนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น PUBG, Fortnite, CoD: Black Ops 4 - Blackout, Apex Legends ซึ่งมีผู้เล่นนับล้านคนต่อวัน
ตัวเกมส์จะให้เราลงไปบนเกาะ (แผนที่) จากนั้นก็เสาะแสวงหาอาวุธกันเอาเองไม่ว่าจะเป็นการจัดการผู้เล่นคนอื่นแล้วยึดมา หรือไปหาที่ซุกซ่อนอยู่ตามส่วนต่างๆ ของแผนที่
แน่นอนว่ากลุ่มผู้เล่นระดับโปรฯ มักจะเลือกของที่ดีที่สุด สูงที่สุด ทำให้หน้าจอประเภท 144Hz หรือ 240Hz ได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากแม้จะเป็นเฟรมที่ตามนุษย์มองไม่เห็น แต่ก็สามารถสร้างความแตกต่างในการเล่นได้ เว็บ Prosettings.net / Prosettings.com เผยว่าผู้เล่นเกมส์ Battle Royale 99% ใช้หน้าจอ 144Hz หรือสูงกว่าทั้งสิ้น เนื่องจากอัตราการรีเฟรชที่สูงกว่านี้ทำให้มีการเคลื่อนไหวที่มากกว่า และตอบสนองทันการ
เกมส์สมัยใหม่ การทำงานระหว่าง Game Engine, Direct X Render, GPU ต่างมี Latency ที่เท่าๆ กัน และเร็วกว่าที่ GPU จะส่งข้อมูลไปได้ ทำให้ไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดการคอขวดขึ้น และ GPU นี้เองคือตัวสำคัญที่สุดที่จะทำให้ภาพออกมาไหลลื่นบนหน้าจอต่างๆ
Nvidia ตีพิมพ์ข้อมูลเผยว่า Latency ของเครื่องที่ใช้ Nvidia RTX นั้นต่ำกว่า GeForce GTX 750 Ti กว่าครึ่ง และเร็วกว่าเครื่องที่ไม่มี GPU เลยถึง 6 เท่าด้วยกัน ดังนั้นวิธีลด Latency ที่ดีที่สุด คือการเพิ่มเฟรมเรท และวิธีเพิ่มเฟรมเรทที่ง่ายที่สุดก็คือการอัพเกรด GPU ใหม่ๆ นั่นเอง
ทีมวิจัยของ Nvidia และ Esports Studio จึงร่วมกันหาคำตอบว่าเฟรมเรทที่มากขึ้น และหน้าจอรีเฟรชเรทที่สูงขึ้นส่งผลกับการรับรู้และเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นได้จริงหรือไม่ โดยในการทดสอบมีทั้ง A/B Test, Blind Test
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเครื่องที่มี GPU รุ่นล่าุสดนั้นจะมีข้อได้เปรียบดังต่อไปนี้
- FPS สูงขึ้นแปลว่าภาพจะมาเร็วขึ้น ไม่มีการกระตุกแต่ประการใด
- FPS ที่สูงขึ้นบนหน้าจออัตรารีเฟรชสูงขึ้นแปลว่าภาพจะไหลลื่น และมาเร็วขึ้น ละเอียดขึ้นเนื่องจากมีเฟรมมาแสดงผลมากขึ้น
- FPS ที่สูงขึ้นบนหน้าจอที่รองรับ G-SYNC ทำให้ฟีเจอร์อย่าง ULMB (Ultra Low Motion Blur) ลดความสั่นไหวลงได้
อัตราส่วนการฆ่า/ตาย (Kill-to-death หรือ K/D) เป็นอีกตัวบ่งชี้ง่ายๆ ว่าผู้เล่นมีประสิทธิภาพดีแค่ไหน จากการตรวจสอบในเกมส์ PUBG และ Fortnite พบว่าสัดส่วนดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อผู้เล่นใช้การ์ดจอที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นตามที่เราได้อธิบายเอาไว้แล้วว่ายิ่ง GPU ใหม่ เฟรมเรทก็จะดีขึ้น ส่งผลไปยังการเล่นโดยตรง โดยผู้เล่นที่ใช้ RTX20XX สามารถทำสัดส่วนการ K/D สูงกว่า GTX600 Series มากถึง 53% เลยทีเดียว
หรืออีกประการหนึ่งอาจจะสรุปได้ว่าผู้เล่นที่มีฝีมือจะซื้อการ์ดจอรุ่นใหม่ๆ เพื่อให้แสดงศักยภาพของตัวเองออกมาได้สูงสุด
เพื่อวิเคราะห์ลึกลงไป เราจึงมาดูกันว่าผู้เล่นเหล่านี้ใช้เวลาเล่นกี่ชั่วโมงต่อสัปดาห์กัน แล้วก็จะพบว่าการ์ดจอที่ดีขึ้นส่งผลกับฝีมือการเล่นเสมอในทุกช่วงสเปค
เรื่องสุดท้ายคือหน้าจอที่มีอัตรารีเฟรทเรทสูงจะส่งผลให้ผลการเล่นดีขึ้นหรือไม่ จากการทดสอบกลุ่มผู้ใช้งานการ์ดรุ่นต่างๆ และหน้าจอที่มีอัตรารีเฟรชเรทแตกต่างกันไป ก็พบว่ายิ่งหน้าจอเฟรมเรทสูงขึ้นผลลัพธ์ก็ดีขึ้นไปด้วยเหมือนเดิม (ผลที่นำมาทำสถิติคือ Full HD เนื่องจากหน้าอัตรารีเฟรชเรทสูง และความละเอียดสูง FPS จะตก) ยิ่งการ์ดจอแรง หน้าจอรีเฟรชเรทสูงอัตรา K/D ก็สูงขึ้นตามไปด้วย
ในอดีตตัวเลขที่เกมเมอร์ใฝ่หากันคือ 60FPS และบางคนก็เชื่อว่าเราควรจะขึ้นไปแตะขอบฟ้าที่ 144FPS ถ้าทำได้ เพื่อให้แสดงฝีมือกันให้สุด แน่นอนว่าทั้ง GPU และ Monitor จะต้องไปด้วยกันได้ เพื่อให้การแสดงผลออกมาไหลลื่นที่สุด และเป็นชั่วเสี้ยววินาทีที่เราตัดสินใจพลิกเกมส์ได้
ผลการศึกษานี้ไม่ได้บอกว่าถ้าอัพเกรด GPU แล้วผลลัพธ์จะดีขึ้นทันทีอย่างผิดหูผิดตา แต่แค่ชี้ให้เห็นว่าสัดส่วน K/D นั้นแตกต่างกันขนาดไหนระหว่างผู้เล่นที่ใช้ระบบเก่าแบบเดิมๆ และรุ่นใหม่ล่าสุดที่อนูญาตให้ดึงศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่