เมาส์ ROG Strix Impact ถูกออกแบบมาเพื่อเกม MOBA โดยเฉพาะ ดังนั้นมันจึงมีน้ำหนักเบา ตอบสนองได้เร็ว ปุ่มคลิกทนทาน ทั้งหมดนี้ยังคงมีอยู่ในเมาส์รุ่นที่ 2 อย่าง Strix Impact II ทว่าการกลับมาในครั้งนี้ ROG ก็ปรับปรุงให้มันดีขึ้นไปอีกระดับ ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักที่เบากว่าเดิม (79 กรัม) ขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อย และเพิ่มปุ่ม Back/Forward มาให้
เป็นโชคดีเล็กๆ สำหรับการรีวิวครั้งนี้ เนื่องจากทีมงานยังมีเมาส์ Strix Impact รุ่นที่แล้วอยู่ในคลัง เราจึงสามารถเปรียบเทียบระหว่างกันได้ สังเกตกันแบบง่ายๆ เมาส์ Strix Impact II ไม่ได้ดึงหน้าตามาจากรุ่นพี่เลย จะมีเฉพาะแนวทางการออกแบบในภาพรวมที่กล่าวไว้ข้างต้น จากภาพด้านล่าง คุณจะเห็นว่า ขนาดของมันไม่ได้ใหญ่ไปกว่ากันเท่าไหร่ ปุ่มปรับ DPI ที่อยู่ด้านบนแบบ On-the-fly ก็ไม่มีแล้ว ส่วนโลโก้ ROG ส่วนท้ายมีขนาดเล็กลงกว่าเดิม และให้สีสันที่ดูเข้มกว่ารุ่นพี่ของมัน นอกจากนั้นยังเพิ่มไฟ RGB ตรงบริเวณวงแหวน Scroll Whell กลับกันส่วนท้ายของของเมาส์ Strix Impact II กลับแคบลง ส่วนตัวเก่าจะผายออกด้านข้างมากกว่า อีกจุดก็คือ สายสัญญาณ เส้นเล็กลง มีความอ่อนตัวและยืดหยุ่นดีกว่าเดิม
Specifications
- Ambidextrous Design
- เซนเซอร์ออปติคอล 6200 DPI
- Push-Fit Switch Socket Design
- 3 Zones RGB Lighting
- ใช้ Omron Switch รองรับการกด 50 ล้านครั้ง
- 4 level adjustment on the fly DPI
- ค่า Polling Rate ความถี่ 125-1000Hz
- รองรับซอฟต์แวร์ Armoury II
- ขนาด 120x62.5x39.5 มม. น้ำหนักไม่รวมสายสัญญาณ 79 กรัม
ด้านข้างของเมาส์ก็ได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติม ซึ่งเดิมทีจะไม่มีลายเส้นถี่ๆ อย่างที่เห็น น่าเสียดายที่บริเวณจุดนี้ไม่ได้ใช้วัสดุยาง เป็นเพียงวัสดุพลาสติกผิวกึ่งมันกึ่งด้าน ดังนั้นเมื่อจับใช้งานแล้วจึงไม่ติดมือเท่าที่ควร ขณะที่ตำแหน่งของปุ่ม Back/Forward ก็อยู่ในตำแหน่งที่ดีมาก การเลื่อนเมาส์ไปมาเร็วๆ นิ้วโป้งจะไม่มีการสัมผัสโดนโดยไม่ได้ตั้งใจ การกดใช้งานทำได้สะดวกและค่อนข้างเซฟตี้ สามารถเลื่อนนิ้วโป้งขึ้นมา จากนั้นใช้นิ้วส่วนบนกับส่วนล่างทำการกดปุ่มหน้าและหลัง ซึ่งตัวปุ่มเองก็มีระยะลึกอยู่พอสมควร ด้วยเหตุนี้การเลื่อนนิ้วไปมาแบบธรรมชาติ ปุ่มจะไม่ยุบตัวหรือถูก Trig ได้โดยง่าย
ผิววัสดุของเมาส์ Strix Impact II ส่วนบนจะมีความโปร่งแสง ซึ่งสามารถมองเห็นส่วนประกอบด้านใน ตรงบริเวณจุดนี้ทาง Asus ออกแบบให้ภายในปุ่มคีย์ของเมาส์กับสวิทช์ไม่มีระยะห่างหรือเป็นแบบ Zero Gap แนบชิดกันไปเลย โดยที่กลางเมาส์จะมีกลไกแกน Hinge กับสปริงส่วนปลาย ทำหน้าที่ยกปุ่มคีย์ขึ้นมาเมื่อไม่ได้ถูกกด ในทางเทคนิคก็คือ มันเป็นการลดระยะเวลาการกดปุ่มเมาส์ให้น้อยลง ส่วนความรู้สึกที่ได้ก็คือ ปุ่มคลิกมีการตอบสนองที่ไวขึ้น ตื้นกว่าปกติ และนิ่มกว่าเดิม
ตำแหน่งไฟ RGB ของเมาส์ไม่ได้มีแค่โลโก้ หรือ Scroll Wheel เท่านั้น แต่ยังมีส่วนด้านหน้าอีกหนึ่งจุด บริเวณขั้วสายสัญญาณ (ดูเพิ่มเติมได้ในส่วนของ Gallery) ทว่าสิ่งที่น่าสนใจในภาพนี้ก็คือ ปุ่มปรับ DPI ที่ย้ายจากด้านบนในรุ่นที่แล้วมาอยู่ใต้เมาส์ ปรับใช้งานแบบ on the fly ได้เช่นเดิม โดยค่าดีฟอลต์คือ 400, 800, 1600, 3200dpi เมื่อกดใช้งานเมาส์จะแสดงสีไฟประจำตำแหน่งของมันออกมา เพื่อบอกให้ผู้ใช้งานรับรู้ค่า DPI เหล่านั้น ในกรณีที่ไม่ถูกใจเลยก็สามารถเข้าไปแก้ไขได้ในซอฟต์แวร์ Armoury II เช่นเดิม (รุ่นนี้แจ้งให้ดาวน์โหลดและติดตั้งซอฟต์แวร์ทันทีเมื่อเสียบเมาส์ แต่แนะนำให้ดาวน์โหลดเวอร์ชัน 3.0 ขึ้นไปจะดีกว่า)
การเปลี่ยนปุ่มสวิทช์ Omron ก็ทำได้เหมือนกับเมาส์รุ่นสูงๆ ที่เปิดตัวมาก่อนหน้านี้แล้ว การถอดเปลี่ยนทำได้ง่าย เพียงแค่ขันน็อต 4 จุดจากใต้เมาส์ จากนั้นใช้คีมหรือปลายนิ้วดึงสวิทช์ออกมาได้เลย เนื่องจากเป็นแบบ Push-Fit หรือติดตั้งบนซ็อกเก็ต ส่วนใครที่หวังว่าจะมีสวิทช์แบบอื่นแถมให้ก็ขอแสดงความเสียใจด้วย หรือหากใครอยากจะใช้สวิทช์เบอร์อื่นๆ ที่ให้ฟิลลิ่งที่ต่างจากนี้ก็ง่ายเลย สั่งซื้อออนไลน์ได้ตามสะดวก
Armoury II Software
ว่ากันตามตรงแล้ว ซอฟต์แวร์ Armoury II ไม่ได้มีความซับซ้อนอะไรเลย การปรับแต่งต่างๆ ทำได้ง่าย รองรับการบันทึกมาโคร กำหนด Assign ปุ่ม ซึ่งทำการโปรแกรมได้สูงสุด 5 ปุ่ม การตั้งค่าสีไฟ RGB น่าเสียดายที่รูปแบบการแสดงผลมีอยู่ไม่เยอะสำหรับรุ่นนี้ แต่ก็สามารถทำการซิงค์สีไฟกับตำแหน่งไฟทั้ง 3 จุดได้ หรือจะแยกให้แสดงผลอิสระก็ทำได้เช่นกัน รวมทั้งการทำ AURA Sync กับอุปกรณ์อื่นๆ ที่สนับสนุนซอฟต์แวร์ นอกจากนั้นแล้ว หน่วยความจำบนตัวเมาส์เองยังจำจดค่าโปรไฟล์ได้อีก 3 ชุด
ในเมนู Performance ก็มีการตั้งค่าเท่าที่จำเป็นและเท่าที่เมาส์ทำได้จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่า DPI 4 ชุด (ปรับเพิ่มลดครั้งละ 100 DPI) การเปิดใช้งาน Angle Snapping หรือการรักษาเมาส์ในแนวระนาบให้เป็นเส้นตรง การปรับค่า Polling Rate หรือความถี่ในการรายงานข้อมูลจากเมาส์ไปยังเครี่องพีซีสูงสุด 1000 ครั้งใน 1 วินาที นอกจากนั้นก็ปรับการตอบสนองของปุ่มคลิก การเพิ่มหรือลด "Acceleration" ในการเคลื่อนตำแหน่งเมาส์
Conclusion !!
การกลับมาอีกครั้งของเมาส์ Strix Impact II ถือว่ามีพัฒนาการที่ดีมาก หากเทียบกับสิ่งที่เพิ่มเข้ามาจากรุ่นที่แล้ว แต่ที่ต้องชมเชยเลยก็คือ การจับใช้งานที่สอดรับกับอุ้งมือมากขึ้น สบายมือมากกว่าเดิม รวมถึงความสามารถในการเปลี่ยนสวิทช์ปุ่มคลิกหลักที่ทำได้ง่ายมาก ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็ไม่ได้ถือว่า เซอร์ไพรส์อะไร ไม่ว่าจะเป็นความแม่นยำในการใช้งานของเซนเซอร์ที่ดีขึ้นกว่าเดิม ลูกเล่นอย่างไฟ RGB หรือ Aura Sync แต่ถ้าจะให้มองเรื่องที่น่าผิดหวังก็คงเป็นเรื่องการปรับค่า DPI ที่ไม่ละเอียดเท่าที่ควร แต่ระยะห่างระดับหลัก 100 DPI ก็ไม่ใช่เรื่องยากในการปรับตัวสำหรับผู้ใช้
โดยส่วนตัวแล้วถือว่า น่าเสียดายที่ไม่ได้เล่นเกมแนว MOBA บนเครื่องพีซีอีกแล้ว ดังนั้นจึงทดลองเล่นกับเกม FPS อย่างเดียว ซึ่งมันก็ทำได้ไม่ขัดเขินอะไรนัก ระหว่างเล่นมีปัญหาเล็กน้อยในเรื่องความลื่นของผิวเมาส์ที่ทำให้หลุดมือบ้าง ถ้าต้องเข้าทีมไฟต์เร็วๆ ต้องหมุน ต้องสะบัดเมาส์ ถ้าพูดกันตรงๆ ก็คือ กริปด้านข้างแทบไม่ช่วยอะไรเลย
สำหรับเรื่องราคา ณ วันที่เขียนรีวิวก็ยังหาข้อมูลไม่ได้ทั้งในและต่างประเทศ ดังนั้นถ้าจะให้ประเมินความน่าสนใจหรือความคุ้มค่าก็เป็นเรี่องยากที่จะให้คำตอบนะครับ
Price : N/A บาท
Special Thanks : ASUSTek Computer (Thailand) Co.,Ltd.