Razer Basilisk ถือได้ว่าเป็นเมาส์เกมมิ่งอีกหนึ่งซีรีส์ที่ได้รับความนิยมจากเหล่าเกมเมอร์ แม้แต่รุ่นเริ่มต้นอย่าง Basilisk ESSENTIAL ก็ยังให้ฟิลลิ่งในการจับใช้งานที่ดี ควบคุมพอยเตอร์ได้อย่างเฉียบคม ซึ่งการมาของ Basilisk X HyperSpeed นอกจากจะเป็นการเพิ่มไลน์เมาส์ไร้สายให้กับตระกูลแล้ว ยังเป็นการโดดลงมาเล่นในตลาดราคาไม่เกิน 2,000 บาทด้วย ดังนั้นมันจึงเป็นเมาส์ที่แข่งขันในเรื่องประสิทธิภาพและราคาที่สมเหตุสมผล แต่นั่นก็ทำให้หลายๆ ฟีเจอร์ถูกตัดออกไป
หากมองเผินๆ แล้วเมาส์ Basilisk X HyperSpeed เหมือนกับการเอาเมาส์ Basilisk มาตัดสายทิ้งออกไป แต่จริงๆ แล้วมันมีหลายๆ จุดที่ต่างจากเมาส์ Basilisk แบบมีสายอยู่พอสมควร แต่ก่อนจะไปดูรายละเอียดเหล่านั้น มาดูข้อมูลทางเทคนิคของเมาส์กันก่อนสักนิดนึง
Specification
- Razer 5G Advanced Optical Sensor with true 16,000 DPI
- Up to 450 inches per second (IPS) / 40 G acceleration
- HyperSpeed wireless technology (using 2.4GHz Dongle)
- Dual-mode wireless (2.4GHz and BLE)
- Six independently programmable buttons
- Razer Mechanical Mouse Switches rated for 50M clicks
- Gaming-grade tactile scroll wheel
- On-The-Fly Sensitivity Adjustment
- On-board DPI and keymap storage.
- Battery life: Up to 285 hours (2.4GHz), 450 hrs (BLE) with AA battery.
- Size: 130x60x42mm.
- weight: 83 g. (Excluding battery)
เรียวขึ้นและยาวกว่าเดิมเล็กน้อย
เมาส์ Basilisk X HyperSpeed ใช้ดีไซน์ดั้งเดิมของเมาส์ Basilisk หลายๆ รุ่น และเป็นเมาส์สำหรับใช้งานมือขวาเท่านั้น โดยเมาส์มีบอดี้ที่ลาดเอียงและบิดตัวในหลายๆ จุด แป้นปุ่มคลิกโค้งเว้าเข้ารับกับปลายนิ้ว ซึ่งไม่ว่าจะจับแบบ Palm, Claw หรือ Fingertip ก็จับได้สะดวกทั้งหมด ตำแหน่งด้านข้างวางกริปยางที่มีผิวแบบยาง ช่วยการยึดเกาะกับนิ้วโป้งหรือนิ้วนางได้เป็นอย่างดี ตำแหน่งนิ้วโป้งก็มีแท่นรองรับนิ้วทั้งหมด สามารถขยับขึ้นใช้ปุ่ม Back-Forward ได้ง่าย แต่ด้วยการที่เมาส์มีช่วงท้ายยาวกว่าเดิมและลึกเข้ามาในอุ้งมือ ทาง Razer จึงไม่ติดตั้งปุ่ม Multi-Function Paddle หรือเรียกสั้นๆ Sensitive Clutch มาให้
ในส่วนของปุ่ม Scroll Wheel ก็เป็นชุดควบคุมเกรดเกมมิ่ง การใช้วงแหวนนี้ในการเปลี่ยนอาวุธในเกมจึงทำได้ดี ควบคุมได้ง่าย เนื่องจากมันขยับเป็นสเต็ป ให้ความรู้สึกถึงการเลื่อนได้อย่างชัดเจน ปุ่มเล็กๆ ที่เห็นถัดขึ้นมาก็คือ ปุ่มเปลี่ยนค่า DPI ที่บันทึกเอาไว้บนหน่วยความจำของเมาส์ จดจำได้ทั้งหมด 5 ค่า ในกรณีที่ไม่เข้าไปปรับในซอฟต์แวร์ เมาส์จะมีค่าดีฟอลต์ให้เริ่มตั้งแต่ 800, 1800, 3200, 7200 และ 16000 dpi การเรียกใช้ค่าจะเป็นแบบเรียงลำดับและวนลูปกลับมาที่ค่าแรก สำหรับปุ่มตรงนี้เราไม่แน่ใจว่ามีไฟสถานะในโหมด 2.4GHz ไหม แต่หากเป็นการใช้บลูทูธจะขึ้นไปสถานะสีฟ้า
ตำแหน่งใส่แบตเตอรี่ขนาด AA จะซ่อนอยู่ใต้เปลือกเมาส์ทางด้านหลัง เปิดออกมาได้ง่ายมาก เนื่องจากระบบล็อกอาศัยแม่เหล็กขนาดเล็ก 3 จุดร่วมกับน็อตเหล็ก การถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่หรือการดึงเอาตัวรับสัญญาณขนาดนาโนออกมาทำได้อย่างราบรื่น เช่นเดียวกับการใส่กลับเข้าไป ตรงบริเวณเปลือกด้านหลังสังเกตว่าจะมีรอยปั้มโลโก้ของ Razer เอาไว้ ไม่มีไฟ RGB ใดๆ อยู่เลยบนเมาส์ตัวนี้
ตำแหน่งของเซนเซอร์ออปติคอลอยู่ในตำแหน่งกึ่งกลางของเมาส์ อยู่สวิตช์ปรับเปลี่ยนสัญญาณความถี่ 2.4GHz และ Bluetooth LE สำหรับฐานเมาส์ทั้ง 4 จุดจะช่วยให้เมาส์ยกตัวจากพื้นเล็กน้อย ผิวสัมผัสลื่น ตรงนี้ทำให้การใช้งานให้ความรู้สึกที่ดีไปด้วย
ปรับแต่งได้เยอะตามสไตล์ Razer
อย่างที่บอกไปข้างต้น เมาส์ตัวนี้ปรับค่า DPI แบบ On the fly ได้ 5 ค่า และสามารถปรับค่า Sensitivity Stage ให้เรียกใช้งานได้ต่ำสุดคือ 2 ค่า การเพิ่มลดทำได้ต่ำสุดค่าละ 50 dpi ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีแล้ว ส่วนค่า Polling rate ก็เลือกใช้ได้ 3 ค่าตามภาพ การจะเปลี่ยนค่าภายในทำได้ทั้งการเลื่อนบาร์สไลด์หรือพิมพ์ค่าที่ต้องการลงไปเลย
กรณีของการโปรแกรมปุ่ม หรือการกำหนดให้ปุ่มทำงานอื่นๆ นอกเหนือจากการทำงานปกติไม่ว่าจะเป็นการเปิดตั้งปุ่มมาโคร เรียกโปรแกรม กำหนดค่าปุ่ม Turbo ตั้งค่า Sensitive Clutch ฯลฯ ทาง Razer ระบุเอาไว้ 6 ปุ่ม เพื่อไม่ให้สับสน ปุ่มที่ยกเว้นไว้ก็คือ ปุ่มคลิกซ้ายและปุ่มปรับ DPI ที่เหลือตั้งค่าได้ทั้งหมด แต่เอาจริงๆ มันก็ตั้งค่าได้หมดยกเว้นปุ่มคลิกซ้าย นอกจากนั้น หากเปิดใช้งาน Hypershift คุณจะสามารถ Assign ปุ่มเพิ่มได้อีกอย่างน้อย 5 ปุ่ม
Conclusion!
คนที่ชื่นชอบเมาส์ตระกูล Basilisk เป็นทุนเดิมอยู่แล้วน่าจะถูกใจเมาส์ตัวนี้ด้วย (เหมือนกับผู้เขียน) เนื่องจากการหายไปของสายสัญญาณทำให้โต๊ะไม่รก ไม่ต้องใช้บันจี้ การเคลื่อนตำแหน่งเมาส์ทำได้ราบรื่นมากขึ้น ไม่มีอะไรมาเหนี่ยวรั้ง แม้ว่าน้ำหนักของมันจะเพิ่มขึ้นมาอีกนิดและยาวกว่าเดิมอีกหน่อย แต่ภาพรวมการจับใช้งานยังคงถนัดและเข้ามืออยู่เช่นเดิม
ภายใต้เซนเซอร์ออปติคอลอย่าง Razer 5G Advanced ที่อัดสเปคมาให้แบบจัดเต็ม แม้จะทำงานผ่านสัญญาณคลื่นวิทยุที่พวกเขาใส่เทคโนโลยี HyperSpeed เข้าไป เราไม่สามารถบ่งบอกความแตกต่างของการตอบสนองเมื่อเทียบกับเมาส์แบบมีสายได้เลย หรือจะเรียกว่า ไม่รู้สึกถึงความต่างก็ว่าได้ (เคลมว่าตอบสนองได้ไวกว่าเมาส์แบบมีสาย)
หลังจากปรับตั้งค่าต่างๆ อย่างเหมาะสมแล้ว การขยับเมาส์ไปยังเป้าที่ต้องการทำได้อย่างแม่นยำ การสะบัดเร็วๆ ซ้ายทีขวาทีทำได้เฉียบคม ถ้าจะมองหาข้อติก็คงเป็นเรื่องเสถียรภาพการทำงานผ่านคลื่นบลูทูธ หากเป็นการใช้งานทั่วไปไม่มีปัญหาพอใช้งานได้ แต่ถ้าใช้ในการเล่นเกม เราไม่แนะนำ เพราะมันมีอาการดีเลย์ที่รับรู้ได้ทันที ตรงนี้อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นกับชิปบลูทูธทุกรุ่น
ในแง่ของการปรับตั้งค่าที่นอกเหนือจากค่ามาตรฐาน เมาส์มีที่ว่างให้เลือกใช้หลายปุ่ม ซึ่งซอฟต์แวร์ Razer Synapse เองก็มีศักยภาพสูงอยู่แล้ว ที่เหลืออยู่ที่ผู้ใช้ว่าจะกำหนดค่าให้กับปุ่มอย่างไรให้ใช้งานได้สะดวกมือที่สุดและมีประโยชน์ที่สุด ถึงอย่างนั้น หากคุณไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ การปรับใช้งานเริ่มต้นที่ Razer กำหนดไว้ให้มันก็เป็นทางเลือกที่ง่ายที่สุดแล้วอย่างมากก็แค่ปรับค่า DPI ให้เหมาะกับตัวเอง และหากคุณคาดหวังว่าเมาส์ไร้สายราคาไม่เกิน 2,000 บาทตัวนี้จะตอบสนองการเล่นเกมในระดับสูงได้ โดยไม่เน้นความหวือหวาจากสีสันจากแสงไฟ เราอยากบอกคุณว่า “มันตอบโจทย์มาก” ถึงอย่างนั้นเราก็จะขอแนะนำให้ไปลองจับใช้งานคร่าวๆ ดูก่อน เพราะหลายๆ คนอาจไม่ถูกใจกับเมาส์ทรงนี้ “เพราะถ้ามันไม่ถนัดมือ ต่อให้เซนเซอร์เทพแค่ไหน มันก็ไม่ใช่ครับ”