รัฐบาลทรัมป์กำลังจัดทำร่างนโยบายใหม่ที่จะบังคับให้บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ต้องผลิตชิปภายในสหรัฐฯ ให้มีจำนวน “เท่ากับ” ชิปที่ลูกค้านำเข้าเข้ามาในประเทศ หากผู้ผลิตไม่สามารถรักษาสัดส่วน 1:1 ได้ตามเวลาที่กำหนด จะต้องจ่ายภาษีนำเข้าที่สูงมาก ซึ่งอาจพุ่งไปถึง 100% ตามรายงานของ Wall Street Journal (WSJ) แผนนี้มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการผลิตชิปภายในประเทศ และอาจส่งผลให้ห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แต่ก็สร้างอุปสรรคเชิงปฏิบัติและเทคนิคจำนวนมากในการนำไปใช้จริง
ตามเอกสารร่างแผนที่ WSJ อ้างถึง บริษัทผู้ผลิตชิปจะต้องผลิตชิปในสหรัฐฯ ให้ได้ 1 ชิปต่อการนำเข้าชิป 1 ชิป หากไม่สามารถทำได้จะถูกลงโทษด้วยการเก็บภาษีนำเข้า (import duties) ซึ่งอาจสูงถึง 100% วิธีการนี้ไม่ได้เป็นเพียงการ “สนับสนุนการลงทุน” ในประเทศเท่านั้น แต่เชื่อมโยงการยกเว้นภาษีกับผลผลิตที่วัดได้จริง เช่น จำนวนชิปที่ผลิตได้เป็นล้านชิ้น รัฐมนตรีพาณิชย์ Howard Lutnick ได้เสนอแผนนี้ต่อผู้นำในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โดยอธิบายว่าเป็นเรื่องของ “ความมั่นคงทางเศรษฐกิจของชาติ”
อย่างไรก็ตาม WSJ ไม่ได้เปิดเผยว่าสหรัฐฯ จะนับจำนวนชิปนำเข้าอย่างไร เพราะชิปมีความซับซ้อนและมูลค่าต่างกันมาก เช่น แอปพลิเคชันโปรเซสเซอร์สำหรับสมาร์ตโฟนอย่าง Apple A19/A19 Pro 1 ล้านชิ้น ย่อมไม่เท่ากับชิปเร่งความเร็ว AI ประสิทธิภาพสูงของ Nvidia B300 จำนวน 1 ล้านชิ้น
ในร่างข้อเสนอ ยังมีระบบ “เครดิต” สำหรับบริษัทที่ตกลงจะสร้างโรงงานผลิตชิปใหม่ในสหรัฐฯ เช่น หากให้คำมั่นว่าจะผลิตได้ 1 ล้านชิป ก็จะได้รับเครดิตจำนวนนี้ล่วงหน้า ทำให้สามารถนำเข้าชิปได้โดยไม่ต้องเสียภาษีระหว่างช่วงก่อสร้างโรงงาน และอาจมีมาตรการผ่อนผันอื่น ๆ เพื่อให้เวลาบริษัทปรับกำลังการผลิต แต่ปัญหาก็คือ ชิปเล็ก ๆ จำนวน 1 ล้านชิ้นที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง อาจไม่เทียบเท่ากับชิปขนาดใหญ่ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีรุ่นเก่า
ยิ่งไปกว่านั้น แผนนี้ตั้งใจจะเก็บภาษีจาก “ผู้ผลิตชิป” ไม่ใช่ผู้ผลิตอุปกรณ์จริง ทำให้การบังคับใช้ยุ่งยากมาก เพราะบริษัทอย่าง Apple, Dell, Lenovo และ Samsung ต่างนำเข้าแล็ปท็อปและสมาร์ตโฟนจำนวนมหาศาลที่ประกอบด้วยชิปจากทั่วโลก การตรวจสอบแหล่งที่มาของทุกชิปในห่วงโซ่อุปทานที่ซับซ้อนเช่นนี้ ต้องอาศัยการประสานงานขนาดใหญ่ระหว่าง OEM ผู้ผลิตชิป และรัฐบาลสหรัฐฯ อีกทั้งการคำนวณภาษีบนพื้นฐานของห่วงโซ่อุปทานระดับโลกที่ซับซ้อนยังเป็นภาระด้านการปฏิบัติตาม (compliance) ที่ใหญ่หลวง
หากนโยบายนี้ถูกบังคับใช้จริง อาจเป็นผลดีต่อผู้ผลิตที่กำลังขยายกำลังการผลิตในสหรัฐฯ อยู่แล้ว เช่น Intel, GlobalFoundries, Micron, Samsung, Texas Instruments และ TSMC ซึ่งจะมีอำนาจต่อรองที่แข็งแกร่งขึ้นกับลูกค้าที่ต้องการชิปที่ผลิตในอเมริกา
ทำเนียบขาวยังไม่ได้ยืนยันแผนนี้ และระบุว่าข่าวที่ออกมาจนถึงตอนนี้ยังเป็นเพียงการคาดการณ์ของสื่อจนกว่าจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการ
ที่มา : Tom's Hardware