OpenAI และ NVIDIA ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ครั้งประวัติศาสตร์ เพื่อติดตั้งระบบของ NVIDIA อย่างน้อย 10 กิกะวัตต์ สำหรับโครงสร้างพื้นฐาน AI เจเนอเรชันถัดไปของผู้สร้าง ChatGPT โดย NVIDIA มีแผนลงทุนสูงสุด 100 พันล้านดอลลาร์ใน OpenAI ขณะที่ระบบใหม่ทยอยเปิดใช้งาน ซึ่งเฟสแรกจะเริ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2026 บนแพลตฟอร์ม Vera Rubin
ตามรายงานของ CNBC ดีลดังกล่าวเกิดขึ้นจากการเจรจาแบบสายฟ้าแลบ ทั้งการประชุมออนไลน์ การพบปะส่วนตัว และการปรับสัญญานาทีสุดท้าย โดยไม่มีธนาคารการเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง การพบกันก่อนหน้านี้ของ Altman และ Huang ระหว่างการเยือนอังกฤษอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีทรัมป์เมื่อสัปดาห์ก่อน ก็มีส่วนช่วยปูทางให้การเจรจาราบรื่นขึ้น และทำให้ประธานาธิบดีได้รับการบรีฟล่วงหน้า
อย่างไรก็ตาม ดีลมหึมานี้ได้จุดกระแสคำถาม ตั้งแต่ความเสี่ยงด้านการผูกขาด ความขัดแย้งกับพาร์ทเนอร์รายอื่น ๆ ไปจนถึงข้อสงสัยว่า นี่คือหลักฐานการบูมของ AI จริง ๆ หรือเป็นเพียงการหนุนลูกค้าที่กำลังขาดสภาพคล่อง
วอลล์สตรีทแตกเป็นสองฝั่งต่อดีล NVIDIA–OpenAI
นักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทกำลังถกถึงผลกระทบที่ตามมา โดย Investor’s Business Daily อ้างอิงจาก Mizuho Securities ระบุว่า ฝั่งมองบวกเห็นว่า นี่คือสัญญาณชัดเจนของการเติบโตในตลาดโครงสร้างพื้นฐาน AI ขณะที่ฝั่งสงสัยมองว่า มันเป็นเพียง NVIDIA ที่กำลังอุ้มลูกค้าที่ “กระหายเงินสด”
นักวิจารณ์บางรายชี้ว่า ดีลนี้แท้จริงคือ NVIDIA อัดเงินเข้าหนึ่งในลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของตน ซึ่งสุดท้ายเงินนั้นก็วนกลับมาซื้อชิป NVIDIA อยู่ดี รายงานยังชี้ว่า NVIDIA เคยถูกขนานนามว่า “นักลงทุนตัวสุดท้าย” (investor of last resort) เพราะมักก้าวเข้ามาช่วย OpenAI รวมถึงหนุน IPO ของ CoreWeave มาก่อน
กระนั้น นักวิเคราะห์รายหนึ่งกลับมองว่านี่คือก้าวที่ชาญฉลาดสำหรับ NVIDIA เนื่องจากบริษัทมีช่องทางจำกัดในการใช้กระแสเงินสดมหาศาล การลงทุน 100 พันล้านดอลลาร์ใน OpenAI อาจสร้างรายได้คืนกลับมาได้ถึง 300–500 พันล้านดอลลาร์
การประคองความสัมพันธ์กับพาร์ทเนอร์
ด้าน CNBC รายงานว่า ขณะที่ OpenAI กระชับความสัมพันธ์กับ NVIDIA ก็ต้องรับมือกับความสัมพันธ์เดิมพันสูงกับพาร์ทเนอร์รายใหญ่อื่น ๆ โดยเฉพาะ Microsoft ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นหลักและผู้ให้บริการคลาวด์หลักของ OpenAI มีรายงานว่า OpenAI แจ้ง Microsoft เพียงหนึ่งวันก่อนเซ็นสัญญาดีลนี้
เมื่อต้นปี 2025 Microsoft ได้สูญเสียสถานะผู้ให้บริการคอมพิวติ้งแบบเอ็กซ์คลูซีฟของ OpenAI ซึ่งเกิดขึ้นพร้อมกับการเปิดตัว “โครงการ Stargate” ร่วมกับ OpenAI, Oracle และ SoftBank ที่ทุ่มเงินหลายพันล้านเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ในสหรัฐ โดย OpenAI ระบุว่า Oracle รวมถึง Arm, Microsoft และ NVIDIA จะเป็นพันธมิตรเทคโนโลยีสำคัญในการสร้างดาต้าเซ็นเตอร์รุ่นใหม่
ในเดือนมิถุนายน CNBC รายงานว่า Jensen Huang ซีอีโอของ NVIDIA ได้แจ้ง Satya Nadella ซีอีโอ Microsoft ว่า NVIDIA จะเดินหน้าดีลกับ OpenAI
ประเด็นการผูกขาด
ขณะเดียวกัน Reuters ระบุว่า การลงทุนของ NVIDIA จุดคำถามถึงผลกระทบต่อคู่ค้าและตลาดฮาร์ดแวร์ AI โดยเฉพาะเมื่อ NVIDIA ครองส่วนแบ่งตลาดการ์ดจอสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ AI มากกว่าครึ่ง
ผู้เชี่ยวชาญที่ Reuters อ้างอิงเตือนว่า ดีลนี้อาจกระตุ้นให้ NVIDIA เอื้อประโยชน์ต่อ OpenAI ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงทรัพยากรที่รวดเร็วกว่า หรือได้เงื่อนไขที่ดีกว่า ขณะที่ Investor’s Business Daily ชี้ว่า ความร่วมมือดังกล่าวยังสร้างแรงกดดันต่อคู่แข่งผู้ผลิตชิป AI อย่าง AMD และ Broadcom อีกด้วย
Reuters ยังเปิดเผยว่า NVIDIA พึ่งพาลูกค้ากลุ่มเล็ก ๆ อย่างมาก โดยลูกค้ารายใหญ่ที่สุดสองรายคิดเป็น 23% และ 16% ของรายได้ในไตรมาส 2 ตามเอกสารยื่นทางการ ที่ไม่เปิดเผยชื่อผู้ซื้อ
ประเด็นด้านโครงสร้างองค์กรของ OpenAI
ตามรายงานของ Tom’s Hardware ปัจจุบัน OpenAI ยังอยู่ในสถานะองค์กรไม่แสวงหากำไร แต่กำลังมุ่งสู่การเป็น “for-profit public benefit corporation” ดีลกับ NVIDIA เปิดทางให้เข้ามามีส่วนร่วมทางการเงิน แต่ไม่ได้ให้สิทธิ์กำกับดูแล และอาจต้องผ่านการอนุมัติด้านกฎระเบียบในรัฐที่ OpenAI จดทะเบียน รวมถึงเดลาแวร์และแคลิฟอร์เนีย
ที่มา : TrendForce