ราคา DRAM พอขยับขึ้น ทุกคนก็กลายเป็นนักพฤกษศาสตร์กันทันที
สัปดาห์นี้ในหมวด “สิ่งที่คุณยอมลอง ก่อนจะควักเงินซื้อแรม 256GB” คือ ใช้เห็ดเป็นหน่วยความจำคอมพิวเตอร์
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Ohio State ทดลองใช้ไมซีเลียม (เส้นใยเห็ด) ของเห็ดชิตาเกะ (ใช่ ชื่อนี้คือเห็ดจริง ๆ) และเห็ดแชมปิญอง มาเป็น organic memristor
พวกเขาเพาะไมซีเลียมขึ้นมา จากนั้นอบแห้งเป็นเวลาหลายวัน ติดขั้วไฟฟ้า แล้วพรมละอองน้ำเล็กน้อยเพื่อให้กลับมานำไฟฟ้าได้อีกครั้ง หลังจากนั้นจึงปล่อยสัญญาณไฟฟ้าในรูปคลื่นและแรงดันต่าง ๆ ผ่านตัวอย่าง เพื่อดูว่าค่าความต้านทาน “จำ” สิ่งที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้าได้หรือไม่
ที่แรงดันประมาณ 1 โวลต์ พฤติกรรมของมันคงที่ที่สุด และนักวิจัยยังผลักดันให้มันทำงานใกล้เคียง RAM ได้ โดยทำความถี่เกือบ 6 kHz พร้อมความแม่นยำราว 90%
ขั้นตอนการทดลอง
ทีมวิจัยเพาะไมซีเลียมเห็ดชิตาเกะในจานเพาะเชื้อ โดยใช้เมล็ดฟาร์โร จมูกข้าวสาลี และฟางแห้งเป็นวัสดุรอง เพาะที่อุณหภูมิ 20–22 องศาเซลเซียส ความชื้น 70%
จากนั้นนำจานไปตากแดดตรง ๆ ประมาณ 7 วัน จนตัวอย่างแห้งแข็งเป็นแผ่น ก่อนทดสอบจะพรมด้วยน้ำปราศจากไอออนจากระยะราว 10 ซม. เพื่อให้กลับมานำไฟฟ้า แล้วจึงต่อขั้วไฟฟ้า วัดกราฟกระแส-แรงดัน (I-V) ด้วยออสซิลโลสโคป
แน่นอนว่า คุณไม่สามารถเก็บข้อมูลระดับกิกะไบต์ด้วยวิธีนี้ได้ เว้นแต่จะมีทุ่งเห็ดเป็นสนามฟุตบอล ดังนั้นมันไม่ใช่ทางแก้ปัญหาราคาแรมแพง การมีคุณสมบัติแบบ memristor อย่างเดียวไม่พอ ยังต้องมีความจุ ความหนาแน่น อินเทอร์เฟซ ความเสถียร และความสามารถในการขยายสเกลให้กลายเป็นโมดูลจริง
ที่มา: Videocardz



