เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา Google ได้ประกาศนโยบายใหม่ของ Play Store ที่จะเข้มงวดกับแอป Android ที่ “กินไฟเกินไป” เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการใช้งานแบตเตอรี่ของสมาร์ตโฟน โดยตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2026 เป็นต้นไป หากแอปใดถูกระบุว่าเป็น “แอปกินไฟ” แอปนั้นจะถูกลดการแสดงผลใน Play Store และถ้าพบว่ามีการใช้พลังงานอย่างรุนแรง หน้าเพจดาวน์โหลดของแอปนั้นจะมี “คำเตือน” ปรากฏขึ้น เพื่อแจ้งผู้ใช้ว่าแอปนี้อาจทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วเกินไป
นโยบายใหม่นี้มุ่งเป้าไปที่แอป Android ที่ “ทำงานเบื้องหลัง” (background tasks) ขณะปิดหน้าจอโดยไม่จำเป็น โดยหากแอปมีการทำงานเบื้องหลังที่ไม่เข้าข่ายได้รับการยกเว้นเกินกว่า 2 ชั่วโมงภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง แอปนั้นจะถูกจัดว่าเป็น “แอปกินไฟ” ซึ่งข้อยกเว้นมีเพียงการเล่นเสียง หรือการรับส่งข้อมูลที่ผู้ใช้เป็นผู้สั่งเริ่มเท่านั้น แต่ปัจจุบันมีนักพัฒนาแอปบางรายที่มักใช้ฟังก์ชันนี้ในทางที่ผิด
Google ระบุว่า หากแอป Android ถูกตรวจพบว่ามีการใช้งานฟังก์ชัน “ทำงานเบื้องหลังขณะปิดหน้าจอ” โดยไม่เหมาะสม แอปนั้นจะถูกลดลำดับความสำคัญในการแสดงผลใน Google Play จะไม่ถูกแนะนำให้ผู้ใช้ Android และจะถูกจัดให้อยู่ในอันดับล่างของผลการค้นหา
นอกจากนี้ หากในช่วงเวลา 28 วัน มีผู้ใช้ Android อย่างน้อย 5% รายงานปัญหาดังกล่าว หน้าเพจดาวน์โหลดของแอปจะมี “คำเตือน” แสดงขึ้น เพื่อแจ้งผู้ใช้ว่าแอปนั้นอาจทำให้สิ้นเปลืองพลังงานเกินปกติ
ดังนั้น หากคุณเป็นนักพัฒนาแอป Android ควรตรวจสอบแอปของคุณทันทีว่ามีการใช้งานฟังก์ชันทำงานเบื้องหลังขณะปิดหน้าจออย่างไม่เหมาะสมหรือไม่ เพราะนโยบายนี้จะเริ่มมีผลอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 มีนาคม 2026
ที่มา: HKEPC



