สวัสดีชาวโอเวอร์คล็อกโซน จาก NVIDIA ได้มีการเปิดตัวและทะยอยทำตลาด RTX 50 Series ที่วันนี้เป็นคราวของ GeForce RTX 5070 ซึ่งถ้าพูดถึงตอนเปิดตัว Blackwell ที่คุณลุงเคยพูดเอาไว้บนเวทีในขณะที่ผมนั่งอยู่ด้านข้างซ้ายเยืองไปทางฝั่งบน ว่า RTX 5070 ประสิทธิภาพเทียบเท่ากับ RTX 4090 คงต้องบองว่าว่าถุงกาวก่อนครับ ถ้า RTX 5070 แบบใส่ชุดเกราะ และ ตัวช่วย เอาไปบู้กับ RTX 4090 แบบไม่มีชุดเกราะ และ ตัวช่วยใดๆ คงพอเทียบกันได้ครับ NVIDIA GeForce RTX 5070 ที่งวดนี้มันมี Founders Edition หน้าตาและภาพลักษณ์ภายนอก ที่ดูคล้ายกับ NVIDIA GeForce RTX 5090 ในรุ่น Founders Edition แต่ค่าตัวที่ย่อมเยากว่า โดย NVIDIA GeForce RTX 5070 แนวเด็กซุ่ม ที่ต้องอาศัยความรู้ (AI) เข้ามาช่วยประมวลผลทางด้านการเล่นเกม และ การทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงมากขึ้น ยิ่ง GeForce RTX 5070 สร้างขึ้นบนสถาปัตยกรรม Blackwell ใช้ชิปรหัสว่า GB205 ที่ Blackwell เทคนิคใหม่ๆด้วย RTX Neural Shader ใช้ในการบีบอัดพื้นผิวในเกมได้ ใน RTX Neural Faces มุ่งหวังที่จะปรับปรุงคุณภาพใบหน้าโดยใช้ AI โดย DLSS 4 ประกอบด้วย Multi Frame Generation ซึ่งสร้างเฟรมเพิ่มเติมได้สูงสุดสามเฟรมต่อเฟรมดั้งเดิมและสามารถเพิ่มอัตราเฟรมได้มากถึง 8 เท่าเมื่อเทียบกับการเรนเดอร์ดั้งเดิม ซึ่งทำให้ถ้าเป็นคนที่ไม่ได้แอนตี้ตัวช่วยการเล่นเกมที่ความละเอียด 4K สามารถพอเป็นไปได้ ถ้าคุยที่พลังเพียว NVIDIA GeForce RTX 5070 ระดับความละะเอียด 2K สามารถตอบสนองได้ดี NVIDIA GeForce RTX 5070 ในสถาปัตยกรรม Blackwell มี CUDA Core 6144 คอร์ พร้อมหน่วยความจำ GDDR7 ความจุ 12GB แบบ 192 บิต มาด้วยเทคโนโลยี Tensor cores รุ่นที่ 5 ประสิทธิภาพ AI สูงสุดด้วย FP4 และ DLSS 4 ขับเคลื่อนด้วย AI ปรับให้เหมาะสมสำหรับ Ray Tracing Cores รุ่นที่ 4 สร้างขึ้นสำหรับเรขาคณิตขนาดใหญ่ ช่วยให้สามารถรันเกมที่ต้องการกราฟิกสูงสุดและครีเอทีฟแอปพลิเคชั่นด้วยความเสถียรและประสิทธิภาพที่ดี ยังมี NVIDIA Studio สามารถสร้างสรรค์ครีเอทีฟโปรเจ็กต์ให้มีชีวิตขึ้นมาได้เร็วกว่าที่เคย ส่วนใครที่ชอบการ์ดที่ออกแบบได้ต่างจาก Founders Edition ที่ได้มีการ์ดจากผู้ผลิตต่างให้เลือก และ เวอร์ชั่นโอเวอร์คล็อกที่แรวงกว่ามาตรฐาน โดนวันนี้สามารถลงริวิว GeForce RTX 5070 Founders Edition และ MSRP ($549) ได้
 

Package & Bundled

NVIDIA GeForce RTX 5070 Founders Edition เป็นกล่องกระดาษแข็งธรรมดาๆ ที่มีความแข็งแรงใช้ได้ ไม่ได้เน้นลายที่ดุูอลังการและสีสรรค์ใดๆ 
 


ที่ขอบด้านล่างเขียนเอาไว้  "ได้รับแรงบันดาลใจจากเกมเมอร์ ปรับปรุงโดย AI สร้างโดย NVIDIA" ผู้ผลิตที่เราคุ้นกันดี การ์ด Founders Edition มาจาก Foxconn มาอย่างยาวนาน เมื่อเปิดกล่องออกแล้วพบกล่องกระดาษแข็งสีน้ำตาลอีกกล่อง ในรุ่นก่อนหน้าใช้กล่องกำมะหยี่สีดำของการ์ด Founders Edition 

สายต่อแบบ 12V-2x6 มีพินตัวเมียที่ลึกกว่าเพื่อให้สัมผัส แต่สามารถใช่งานไดด้ร่วมกับ 12VHPWR  โดยทาง NVIDIA  จัดสายไฟด้วยปลอกพลาสติกแข็ง โดยไม่ให้สายไฟเคลื่อนตัวไปมาจนทำให้หน้าสัมผัสภายในหลวม คู่มือเริ่มต้นใช้งานและคำแนะนำพื้นฐานเกี่ยวกับวิธีการติดตั้งการ์ด และรหัส QR เพื่อเข้าสู่เว็บไซต์ที่มีคำแนะนำในการติดตั้งโดยละเอียด นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลการรับประกันผลิตภัณฑ์ด้วย 
 

รูปทรงกล่องในที่ดูคล้ายกับการ์ดจอตัวนึง
 

Design & Detail

การ์ดมีขนาด 24.5 ซม. x 11.5 ซม. x 4 ซม. (ยาว x สูง x กว้าง) เป็นแบบ Dual Slot ความยาวและความสูง กะด้วยสายตาที่พอๆกับ RTX4070 FE ที่สามารถใช้งานร่วมกับเคส SFF ตามมาตรฐาน NVIDIA ได้ GeForce RTX 5070 Founders Edition โครงสร้างภายนอกทำมาจากอลูมิเนียมทั้งด้านและส่วนโค้งที่เรียบเนียน มีโลโก้ GeForce RTX ติดเอาไว้
 



GeForce RTX 5070 Founders Edition ระบบระบายความร้อนหน้าตาแบบ NVIDIA Double Flow Through เราจะเห็นได้ว่าใช้พัดลมขนาด 9 ซม. พัดลมตัวที่ 2 ก็ 9 ซม.

ระบบระบายความร้อนใช้ ฮีทไปท์ทองแดงท่อ ร่วมกับครีบแบบ dual fin stack เพื่อระบายความร้อนชิพกราฟฟิก NVIDIA GB205 , GDDR7 และ ภาคจ่ายไฟของตัวการ์ด ช่วงท้ายการ์ดยังมองทะลุไปข้างล่างได้ 
 

ถ้าไม่สนใจพลังมาก มองที่ความขลัง โลโก้ RTX 5070 ช่วยได้    
 


มีโลโก้ NVIDIA ปั๊มแอบไว้ในภาพต้องมองให้ดีถึงเห็นได้  

สันการ์ดเป็นโลโก้ GeForce RTX ด้านบนมีช่องเจาะเล็กๆ เพื่อให้ลมไหลผ่าน



ด้านล่างมีช่องเจาะเล็กๆ เพื่อให้ลมไหลผ่าน ส่วนการเชื่อต่อแบบ PCI Express 5.0 สังเกตุที่ PCB ให้ดี มันมาแบบเรียบๆ ไม่มีการติดตั้งอุปกรณ์ได้ เหมือนสายแพรที่ต่อกับการ์ดหลัก



โลโก้ GeForce RTX ไม่มีไฟติดเมื่อเครื่องทำงาน ที่สุดท้ายสายไฟก็บังโลโก้ เต้ารับ 12V-2x6 ไม่ชี้ขึ้นตรงๆ แต่จะเอียงไปทางด้านบน ช่วยลดการโค้งงอของไฟเชื่อมต่อ  
 

ส่วนโค้งที่เรียบเนียน 


 
การเชื่อมต่อ DisplayPort 2.1a จำนวน 3 พอร์ต และ HDMI 2.1b 

โลโก้ GEFORCE RTX ที่โดนสายไฟบังอยู่ดี

 

ข้อมูลของการ์ดที่แจ้งผ่าน GPU-z ถือว่าเกือบครบถ้วนแล้ว สามารถดูในเรื่องการใช้พลังงาน ความร้อนในส่วนต่างได้อย่างครบ 



รายละเอียดที่มาบน AIDA64 มากับครบ



รายละเอียดที่มาบน AIDA64 แจ้งระดับการทำงานมาครบ 
 

System Setup

บรรยากาศขณะการทดสอบ 
 


Performance Test 

   













ในเมื่อพลังเขียวที่บางเกมเปิดใช้ DLSS ที่มันยังไม่สามารถเปิดใช้ Frame Generation ได้ เราก็สามารถไปเปิดใช้ FSR ถ้าไม่กลัวเสียความเขียวในตัวเรา 



เปิดการใช้งาน Frame Generation ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้ 
 

Conclusion  

         ถ้ามองกันที่ประสิทธิภาพของ NVIDIA GeForce RTX 5070 สถาปัตยกรรม Blackwell ในแง่ของพลังดิบที่แรงกว่า RTX 4070 ระดับนึง แต่มันไม่แรงชน RTX 4090 แน่นอน ซึ่งถ้ามองในยุค 2025 ที่ NVIDIA GeForce RTX 5070 เป็นการ์ดเล่นเกมในระดับ 2K ที่ยังพอฮ้าวไปเล่น 4K ได้บ้าง จุดตายที่มันมีแรม 12GB ที่ผมลองใช้งานในการเล่นเกมบนความละเอียด 4K มันรู้สึกสะดุด แบบรู้สึกได้ครับ ซึ่ง NVIDIA GeForce RTX 5070 มันคือเด็กยุคใหม่ เทคโนโลยี AI เข้ามาส่วนร่วมในการประมวลผลมากขึ้น โดยยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกม รวมไปถึงงานสร้างสรรค์ผ่านการอัพเดทไดร์เวอร์ ที่ประสิทธิภาพมันย่อมดีกว่าที่ทดสอบออกไปในคราวนี้ ถ้าเปรียบเทียบเหมือนมีเด็กสองคน คนที่แรกเรียนเก่งพกกระดาษทดแผ่นเดียว(พลังเพียว) คนสองท่องเก่งพกเครื่องคิดเลขทางวิทยาศาสตร์พร้อมจดสูตรมาเต็มที่(พลัง AI)  เข้าห้องสอบแข่งกัน ที่มุมของพลังดิบที่มันไม่ได้แรงกว่า RTX4070 จนขาดลอยอะไรนัก ถ้าเล่นเกมที่ไม่ได้เปิด หรือ แอนตี้ฟีเจอร์ DLSS และ Frame Generation ถ้าใช้  RTX4070 อยู่ ข้ามไปก่อนครับ โดยที่เงินคือปัญหาใหญ่ แต่ถ้าเล่นเกมส่วนมากที่รองรับ DLSS และ Frame Generation บอกเลยถ้าเล่นเกมที่ความละเอียด 2K เป็นหลัก ไม่ได้เน้น 4K ประสิทธิภาพของ AI ที่ดีขึ้นกว่าเดิม ที่สำคัญการเปลี่ยนมาใช้ NVIDIA GeForce RTX 5070 ไม่ได้ติดขัดเรื่องงบประมาณ มันเป็นการ์ดจอระดับ 2K ที่น่าสนใจมาก มีการอัพเดทเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น รองรับการใช้งานในยุค 2026-2027 ที่งทางด้านการเล่นเกมและสายครีเอเตอร์ ต้องลองดูกับราคาวางขายอยู่ที่เท่าไร ของมีน้อยความต้องการสูง พรี่รับมาแพงหรอเปล่า ถ้าคิดว่างบสู้ไหว ใช้ RTX2070 หรือ เก่ากว่า โอกาสอัพการ์ดจอมาแล้ว วันนี้ผมก็ต้องขอลากันแต่เพียงเท่านี้ สวัสดีครับ 

Special Thanks : NVIDIA Corporation