เมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นคนที่ติดตามหรือไม่ติดตามข่าวไอที ก็ต้องได้ยินข่าวเรื่องบริษัทสัญชาติอเมริการ่วมกันแบน Huawei ไม่ให้ทำธุรกิจด้วย ตามคำสั่งของ White House .. มันเป็นเรื่องใหญ่ที่มีการแชร์ไปทั่วโลก และเป็นเรื่องที่น่าตกใจอันเป็นผลกระทบจาก Trade War ระหว่างสองมหาอำนาจอย่างสหรัฐและจีน
ส่วนในตลาดของ Memory หรือโปรดักส์ประเภท DRAM เอง หลังจากที่ปีที่แล้วเราได้เห็นราคาขึ้นอย่างมหาโหดจากสภาวะความต้องการของตลาดสูงกว่า Stock ที่ผู้ผลิตมี มาจนปัจจุบันที่สต๊อกผู้ผลิตมีมากเกินความต้องการของตลาด .. ทำให้เราได้เห็นถึงความผันผวนของตลาด Memory ว่ามันขึ้นและลงได้มากมายขนาดไหน ภายในระยะเวลาแค่ปีกว่าๆ
ตอนแรกแอดมินก็ไม่ได้นึกถึงว่าสองข่าวนี้มันจะมีความเกี่ยวข้องกันได้ จนกระทั่งมาเห็นอัพเดทล่าสุดจากเว็ปไซต์ต่างประเทศนี่แหละครับ ถึงนึกได้ว่าทุกอย่างมันมีผลกระทบเกี่ยวข้องกันได้หมด .. สืบเนื่องจาก Huawei เองก็เป็นยักษ์ใหญ่ในวงการไอที ขายอุปกรณ์หลากหลายอย่างที่จำเป็นต้องใช้งาน DRAM อย่างเช่น Server และ Smartphone .. ทีนี้ในเมื่อกฏหมายห้ามบริษัทสัญชาติอเมริกาทำการค้ากับ Huawei พวกบริษัทผลิต DRAM ที่ส่งสินค้าให้ Huawei ใช้อยู่ก็จะต้องสูญเสียลูกค้ารายใหญ่ไป และผลกระทบต่อเนื่องของมันเลยก็จะเป็นเรื่องสต๊อกที่เพิ่มขึ้นตามกำลังการผลิต แต่ความต้องการของตลาดนั้นหายไปอย่างกระทันหัน
ข้อมูลนี้ก็ถูกวิเคราะห์โดย TrendForce จากพาดหัวที่ว่าราคาลง 25% นั่นก็เป็นเพราะบวกกับปัจจัยหลายๆอย่างในปีนี้แล้ว โดยเฉพาะในช่วง Q3 ที่เดิมคาดการณ์ไว้ว่าจะลงอีก 10% เมื่อเจอประเด็น Huawei เข้าไปก็เปลี่ยนเป็นมีการคาดการณ์เพิ่มว่าลง 15% ในช่วง Quarter 3 ของปี .. และ Quarter 4 ของปีก็อาจจะมีการลดลงเพิ่มอีก 10% ทำให้รวมๆออกมาแล้ว เมื่อเทียบกับปี 2018 ราคา DRAM โดยรวมของปีนี้ก็จะหายไปราวๆ 25%
เพราะเช่นนั้นใครที่กำลังมองหาจังหวะในการอัพเกรด Memory หรือซื้อโปรดักส์ที่ราคาของ DRAM มีผลกระทบมาก ช่วงปลายปีนี้ก็อาจจะเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุด .. แต่ถ้ารีบใช้ ช่วงนี้ก็น่าจะพอซื้อได้แล้ว ลงอีกไม่มาก ไม่หลังหักเท่าไหร่ .. แต่อย่าลืมนะครับ ว่าถ้าทิศทางตลาดเปลี่ยนเมื่อไหร่ เรื่องทิศทางราคาขึ้นนั้นมันมักจะไปเร็วกว่าขาลงเสมอ
ที่มาของข้อมูล : TechPowerUp