เมื่ออุตสาหกรรมเครือข่ายข้ามจาก IPv4 ไป IPv6 แล้ว “IPv5” หายไปไหนกันแน่?
ความจริงคือ IPv5 เคยมีอยู่จริง และเป็นโปรโตคอลที่ออกแบบมาสำหรับการสตรีมมิงโดยเฉพาะ พัฒนาโดย MIT Lincoln Laboratory ในช่วงเวลาใกล้เคียงกับยุคของ IPv4 โปรโตคอลนี้เคยเข้าสู่ช่วงทดลองใช้งาน และถูกนำไปใช้ในงานด้านทหารเท่านั้น แต่ไม่เคยกลายเป็นมาตรฐานสากลของอุตสาหกรรม
ภาพรวมการพัฒนาโปรโตคอล IP
จากข้อมูลของ LaurieWired:
-
IPv1 ถึง IPv3 เป็นเวอร์ชันทดลอง ออกแบบระหว่างปี 1973–1978 เพื่อกำหนดรูปแบบการกำหนดที่อยู่ (addressing) บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ใช้ที่อยู่แบบตัวแปรสูงสุด 16 บิต
-
ปี 1984 – IPv4 ถูกกำหนดเป็นมาตรฐาน โดยใช้ที่อยู่แบบ 32 บิตแบบคงที่ รองรับได้ราว 4.3 พันล้านที่อยู่ (IP address) และกลายเป็นโปรโตคอลหลักที่เราใช้งานมาจนถึงทุกวันนี้
แล้ว IPv5 คืออะไร?
IPv5 ไม่ใช่โปรโตคอลกำหนดที่อยู่เหมือน IPv4 หรือ IPv6 แต่เป็นโปรโตคอลเพื่อการสตรีมมิงชื่อว่า Stream Protocol (ST) ใช้เพื่อเสริมความสามารถของ IPv4 โดยพยายามแก้ปัญหาคุณภาพการส่งข้อมูลสื่อแบบสตรีม (QoS) ซึ่งในยุคนั้นอินเทอร์เน็ตทั้งช้าและมีความหน่วงสูง
การออกแบบ IPv5 ถือว่าล้ำหน้ามากในเวลานั้น—กองทัพสหรัฐฯ เคยใช้ IPv5 สำหรับการโทร VoIP ผ่านอินเทอร์เน็ตยุคแรก ๆ แต่เมื่อความเร็วอินเทอร์เน็ตดีขึ้น และปัญหาความหน่วงถูกแก้ในระดับฮาร์ดแวร์ QoS ของ IPv5 ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป สุดท้ายจึงไม่ถูกประกาศเป็นมาตรฐาน
ทำไมจึงไม่มี “IPv5” อย่างเป็นทางการ?
เนื่องจากมีการใช้ชื่อ IPv5 ในเอกสารและโครงการทดลองจำนวนมาก การนำชื่อ IPv5 มาใช้กับโปรโตคอลใหม่จะทำให้เกิดความสับสนในวงการ
จึงมีการตัดสินใจให้ผู้สืบทอด IPv4 ข้ามไปใช้ชื่อ IPv6 โดยตรงในปี 1989
IPv6 ใช้ที่อยู่แบบ 128 บิต รองรับได้ถึง
340 ดีซีลเลียน (340,282,366,920,938,000,000,000,000,000,000,000,000)
ซึ่งมากพอรองรับโลกทั้งใบไปอีกหลายชั่วอายุคน
ทุกวันนี้เรายังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านที่ IPv4 และ IPv6 ใช้งานร่วมกัน ซึ่งอาจต้องใช้เวลาอีกนานกว่าที่ IPv6 จะเข้ามาแทนที่อย่างสมบูรณ์
ที่มา: HKEPC



