Brother ผู้นำโซลูชันการพิมพ์จากประเทศญี่ปุ่น ตอกย้ำความแข็งแกร่งในฐานะผู้ครองตลาดเครื่องพิมพ์ผ้าแบบ Direct-to-Garment (DTG) ในไทยต่อเนื่อง 4 ปีซ้อน ด้วยยอดขายเติบโตคิดเป็น 3.5% ของกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์ผ้าในตลาด โดยเครื่องพิมพ์ผ้าระบบดิจิทัล Brother GTX ถูกพัฒนามาเพื่อตอบรองรับผู้ประกอบการแฟชั่นไทย ช่วยลดต้นทุนการผลิต การปรับขนาดการผลิตตามความต้องการ และคุณภาพงานพิมพ์ที่โดดเด่น ช่วยให้ผู้ประกอบการธุรกิจรายเล็กถึงกลางสามารถเริ่มต้นได้ง่าย ทดลองตลาดได้อย่างรวดเร็ว และต่อยอดสู่การสร้างแบรนด์ Custom & Personalization ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
นายกิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและการตลาด บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ที่ผ่านมาผู้ประกอบการแฟชั่นไทยจำนวนมากต้องเผชิญกับข้อจำกัดด้านการลงทุน ความเสี่ยงจากการสต็อกสินค้า และการปรับตัวให้ทันต่อความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว Brother จึงนำนวัตกรรมเครื่องพิมพ์ผ้าระบบดิจิทัล Direct-to-Garment ภายใต้ชื่อ GTX เข้ามาตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าว ด้วยจุดเด่นที่ความละเอียดในการพิมพ์สูงถึง 1200 dpi มาพร้อมศักยภาพในการพิมพ์บนวัสดุหลากหลาย อาทิ เสื้อยืด หมวก กระเป๋า หรือรองเท้า มีระบบพิมพ์ความเร็วสูงที่ช่วยเพิ่มความเร็วได้มากขึ้นถึง 10% อีกทั้งยังคุ้มค่าตามมาตรฐานของ Brother ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถคืนทุนได้ภายใน 1 ปี สามารถเริ่มต้นธุรกิจได้ด้วยเครื่องเดียวเพื่อทดลองตลาด และขยายกำลังการผลิตได้อย่างยืดหยุ่น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ Brother ก้าวขึ้นเป็นที่ยอมรับในตลาดและครองตำแหน่งผู้นำตลาดเครื่องพิมพ์แบบ Direct-to-Garment ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2021 จนถึงปัจจุบัน โดยล่าสุดยังคงครองส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 80% ในปี 2567”
นอกจากประสิทธิภาพด้านการผลิต เครื่องพิมพ์ผ้าระบบดิจิทัล GTX ยังโดดเด่นด้วยการออกแบบเพื่อการใช้งานที่คุ้มค่าและยั่งยืน เช่น หัวพิมพ์รุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับระบบไหลเวียนน้ำหมึกในตัว ช่วยลดการสะสมตะกอนหมึก ลดค่าใช้จ่ายด้านการดูแลรักษา และยืดอายุการใช้งานเครื่องได้ อีกทั้งยังใช้หมึก Innobella Textile ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ได้รับการรับรองมาตรฐานสากลทั้ง OEKO-TEX และ GOTS 5.0 ตอบรับกระแสแฟชั่นยั่งยืนที่กำลังเป็นเมกะเทรนด์ระดับโลก พร้อมความทนทานและคุณภาพที่ผู้ใช้งานจริงยืนยันและบอกต่อ ปัจจุบันผู้ประกอบการที่นิยมใช้เครื่องพิมพ์ Brother GTX สามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.ร้านค้าที่เป็นเฉพาะผู้ผลิตรับผลิตเสื้อตาม Order ของลูกค้า 2. ร้านค้าที่เป็นทั้งผู้ออกแบบลาย ผลิตเสื้อ และขายไปยังผู้ซื้อโดยตรง 3.กลุ่มแบรนด์ชั้นนำด้านแฟชั่น และสปอร์ตแฟชั่น
“Brother ไม่ได้เป็นเพียงผู้ผลิตเครื่องพิมพ์ แต่เรามุ่งมั่นทำหน้าที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่เติบโตไปพร้อมกับลูกค้า ซึ่ง GTX เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์สำคัญของเรา ที่สะท้อนถึงนวัตกรรมและความตั้งใจในการสนับสนุนผู้ประกอบการอย่างแท้จริง ทั้งนี้ตั้งเป้าการเติบโตของกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์ผ้า 28% ภายในปี 2025 และมั่นใจว่าการสนับสนุนผู้ประกอบการด้วยสินค้าที่ดี มีบริการหลังการขาย การให้คำปรึกษาด้านธุรกิจ และการถ่ายทอดความรู้เชิงเทคนิค จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ผู้ประกอบการแฟชั่นไทยสามารถต่อยอดธุรกิจในตลาด Custom & Personalization ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ตามปณิธาน At Your Side ที่หมายถึงการอยู่เคียงข้างและร่วมพัฒนาธุรกิจไปพร้อมกับลูกค้า” นายกิตติพงศ์ กล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและผลิตภัณฑ์ของ Brother เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.brother.co.th รวมถึงช่องทาง Facebook / TikTok / YouTube / Instagram / X / Line Official: Brother Thailand