ดูเหมือนว่าปักกิ่งยังไม่มีทีท่าจะ “ถอย” จากการสกัดกั้นการใช้งานชิป AI ของ NVIDIA ในประเทศ เพราะมีรายงานฉบับใหม่ระบุว่ามาตรการควบคุมกำลัง “เข้มข้นขึ้นกว่าเดิม”
ปักกิ่งเดินหน้าปิดทาง NVIDIA เต็มกำลัง ใช้มาตรการเข้มเพื่อหยุดการไหลเข้าของ GPU
สถานการณ์ของ NVIDIA ในจีนเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยคราวนี้แรงต้านการนำเข้าชิป AI ไม่ได้มาจากสหรัฐฯ หรือการแบนระหว่างประเทศใด ๆ แต่มาจาก “รัฐบาลจีนเอง”
ต้นเรื่องเริ่มจากการที่หน่วยงานกำกับดูแลของจีนเปิดการสอบสวนชิป AI รุ่น H20 ของ NVIDIA และหลังจากนั้นไม่นาน บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีภายในประเทศก็ถูก “ชักชวน (หรือกดดัน)” ให้หันไปใช้โซลูชันที่พัฒนาด้วยตัวเองภายในประเทศแทน
ศุลกากรจีนเข้าตรวจเข้ม! เล็งเป้า RTX 6000D และ H20
ตามรายงานของสำนักข่าว Financial Times เจ้าหน้าที่ศุลกากรจีนกำลังเพ่งเล็งการนำเข้าสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเซมิคอนดักเตอร์อย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีบริษัทในประเทศแอบสั่งซื้อชิป AI ของ NVIDIA โดยเฉพาะ รุ่น RTX 6000D และ H20
ที่น่าสนใจคือ ก่อนหน้านี้ศุลกากรจีนแทบไม่มีมาตรการปิดกั้นการไหลเข้าของ GPU จาก NVIDIA เลย ส่งผลให้มีการลักลอบนำเข้าเกือบ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายใน 3 เดือน (พฤษภาคมเป็นต้นมา)
บิ๊กเทคจีนถูกสั่ง “ยกเลิกออเดอร์ NVIDIA”
บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนอย่าง Tencent, ByteDance และ Alibaba ต่างถูกสั่งให้ยกเลิกคำสั่งซื้อชิป NVIDIA เรียบร้อยแล้ว
ดังนั้น ตอนนี้จีนจึงต้อง พึ่งพาสต็อกชิปที่มีอยู่ในมือ เพื่อขับเคลื่อนงานด้าน AI ชั่วคราว
มาตรการล่าสุดสะท้อนว่า ปักกิ่งตัดสินใจ “ไม่เดินตามเส้นทาง NVIDIA” อีกต่อไป ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมบริษัทจีนอย่าง Huawei และ Cambricon เร่งเดินหน้าอย่างหนักเพื่อพัฒนาโซลูชัน AI ของตัวเองให้ทันตลาดในประเทศ
แต่…ปัญหาคือ ณ เวลานี้ การพึ่งพาเทคโนโลยีภายในประเทศ 100% ยังเป็นไปไม่ได้สำหรับอุตสาหกรรม AI ของจีน
ทำไม NVIDIA ยัง “เหนือกว่า” แม้จะถูกกดดัน?
NVIDIA ไม่ได้ได้เปรียบแค่เรื่อง “ประสิทธิภาพการประมวลผล” เท่านั้น
แต่ยังมี ecosystem ที่แข็งแกร่ง + CUDA ที่ผูกมัดนักพัฒนาไว้ แบบหนีไม่ง่าย
บริษัทอย่าง Huawei กำลังพยายามหาทางหลีกเลี่ยงข้อจำกัดนี้ แต่เป็นโครงการที่ต้องใช้เวลาหลายปี และในตอนนี้บริษัทยักษ์ใหญ่ของจีน ยังคงต้องพึ่งพาชิปของ NVIDIA อยู่มาก
สรุป: จีน “ไม่ยอมให้ NVIDIA ครองตลาดในประเทศ” อีกต่อไป
แต่ “ยังไม่มีเทคโนโลยีภายในประเทศที่ทดแทนได้จริง 100%”
นี่คือจุดเริ่มต้นของสงครามชิป AI ระลอกใหม่… และรอบนี้ จีนเป็นฝ่ายเริ่มก่อน
ที่มา: Wccftech



