สื่อระดับนานาชาติรายงานว่า ก่อนหน้านี้ ศูนย์บริการทรัพยากรสารสนเทศแห่งชาติของเกาหลีใต้ ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้จากแบตเตอรี่ลิเธียม โดย ยุน โฮ-จอง (Yun Ho-jung) รัฐมนตรีด้านความปลอดภัยของเกาหลีใต้ ได้เปิดเผยข้อมูลชวนช็อกเพิ่มเติมในการแถลงข่าวว่า นอกจากการไม่มีระบบสำรองข้อมูลนอกสถานที่ (Off-site Backup), การใช้แบตเตอรี่ที่หมดอายุการใช้งาน และระบบดับเพลิงที่ไม่สามารถรับมือกับไฟลิเธียมได้แล้ว สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือ เมื่อปีนั้นกลับตัดสินใจ นำเซิร์ฟเวอร์กับแบตเตอรี่ลิเธียมจำนวน 384 ก้อนมาติดตั้งไว้ในห้องเดียวกัน ถือเป็นความผิดพลาดขั้นพื้นฐานที่ไม่ควรเกิดขึ้นกับหน่วยงานระดับชาติ
ตามรายงานของสถาบันวิเคราะห์ข้อมูลอังกฤษ Relx เพื่อให้ตอบสนองความต้องการด้านพลังงานของศูนย์ข้อมูลที่ใช้ไฟสูง รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ตัดสินใจในปี 2012 ใช้ แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ซึ่งมีความหนาแน่นพลังงานสูงและอายุการใช้งานยาวนาน เพื่อยืดเวลาแบตเตอรี่สำรองในพื้นที่จำกัด แต่กลับ วางแบตเตอรี่ 384 ก้อนร่วมกับเซิร์ฟเวอร์บนชั้น 5 ของอาคาร โดยไม่คำนึงถึงความเสี่ยงของลิเธียมเลย
แบตเตอรี่ที่ใช้นั้นเป็นของ LG Energy Solution และถูกใช้งานมากว่า 10 ปีแล้ว โดยมีอายุประกันสิ้นสุดในเดือนมิถุนายน 2024 ขณะที่ LG เคยเตือนรัฐบาลให้รีบเปลี่ยนแบตเตอรี่ แต่รัฐบาลไม่ใส่ใจและไม่ได้ดำเนินการใด ๆ
ในวันเกิดเหตุ ศูนย์ข้อมูลมีแผนจะย้ายแบตเตอรี่ออกจากห้องเซิร์ฟเวอร์ไปไว้ที่ชั้นใต้ดินเพื่อเพิ่มความปลอดภัย แต่ระหว่างการขนย้าย เกิดความผิดพลาดจนแบตเตอรี่ก้อนหนึ่งเกิด “ภาวะหลุดควบคุมความร้อน” (Thermal Runaway) จนนำไปสู่ปฏิกิริยาลูกโซ่และเกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่
ในช่วงแรกเจ้าหน้าที่ดับเพลิงไม่กล้าใช้น้ำเพราะกังวลว่าจะทำลายข้อมูลสำคัญในเซิร์ฟเวอร์ จึงเลือกใช้ระบบดับเพลิงด้วยคาร์บอนไดออกไซด์ แต่ไม่สามารถควบคุมไฟได้ ทำให้อุณหภูมิห้องเซิร์ฟเวอร์พุ่งสูงถึง 160 องศาเซลเซียส สุดท้ายหัวหน้าสถานีดับเพลิงแทจ็อน-ยูซ็อง คิม กี-ซอน ตัดสินใจใช้น้ำดับไฟ แต่ก็สายเกินไป ห้องเซิร์ฟเวอร์ถูกทำลายทั้งหมด
สิ่งที่น่ากังวลมากคือ เกาหลีใต้บังคับใช้ระบบ งานราชการไร้กระดาษ (Paperless) มาตั้งแต่ปี 2018 โดยห้ามเจ้าหน้าที่เก็บไฟล์ไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ ต้องเก็บใน G-Drive ของรัฐบาล เพียงอย่างเดียว แต่ศูนย์ข้อมูลกลับ ไม่มีระบบสำรองภายนอก (External Backup) เลย ทำให้ไฟล์ราชการที่เจ้าหน้าที่กว่า 750,000 คน เก็บสะสมมา 7 ปี อาจสูญหายถาวร
จนถึงปัจจุบัน รัฐบาลเกาหลีใต้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะกู้คืนข้อมูลและระบบทั้งหมดเมื่อไร หน่วยงานที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ ตำรวจ หน่วยดับเพลิง ศุลกากร รวมถึงระบบ สายด่วนฉุกเฉิน 119 ที่ไม่สามารถติดตามได้, ระบบลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์หยุดชะงัก และบริการข้อมูลภาครัฐล่มทั้งหมด ปัจจุบันเพิ่งกู้คืนได้เพียงประมาณ 10% ของบริการสาธารณะเท่านั้น
ที่มา: HKEPC