NVIDIA ดูเหมือนจะยังไม่พอใจกับการปักดาต้าเซ็นเตอร์ไปทั่วโลก ล่าสุดบริษัทต้องการเร่งโครงสร้างพื้นฐานให้ล้ำไปถึง “นอกโลก” โดยตามข้อมูลจากบล็อกโพสต์ล่าสุด NVIDIA จะเป็นส่วนหนึ่งของดาวเทียม AI จากบริษัท Starcloud ซึ่งขับเคลื่อนด้วย GPU NVIDIA H100 “Hopper” หนึ่งตัว
กว่าที่อุปกรณ์ใด ๆ จะถูกส่งขึ้นสู่อวกาศ ต้องผ่านการทดสอบและตรวจสอบเป็นเวลาหลายเดือนหรือหลายปี Starcloud และ NVIDIA จึงได้ออกแบบเพย์โหลดสำหรับดาวเทียมเป็นโมดูลขนาดประมาณตู้เย็นเล็ก น้ำหนัก 60 กิโลกรัม เพื่อให้ติดตั้งบนดาวเทียมในวงโคจรรอบโลก ซึ่งแพ็กเกจนี้จะมีพลังการประมวลผลมากกว่าระบบบนอวกาศที่มีอยู่ในปัจจุบันถึง 100 เท่า อย่างไรก็ตามตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่า GPU ตัวนี้ถูกปรับแต่ง (radiation hardened) เพื่อทนรังสีอวกาศหรือไม่ — หรือเพียงแค่ได้รับการป้องกันในระดับที่เพียงพอ
ในอวกาศ “พลังงาน” แทบไม่ใช่ปัญหา ด้วยการใช้พลังงานจากแผงโซลาร์ ฮาร์ดแวร์สามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ NVIDIA H100 ทำงานเต็มกำลังเพื่อประมวลผลงาน AI ให้กับระบบดาวเทียม Starcloud ได้ตลอดเวลา
โครงสร้างระบายความร้อนของระบบนี้ก็ถือว่าน่าสนใจ เพราะเป็นการระบายความร้อนแบบพาสซีฟ โดยใช้อุณหภูมิสูญญากาศนอกอวกาศที่เย็นจัดถึงประมาณ -270 °C ช่วยให้ชิปทำงานในอุณหภูมิต่ำสุดตามธรรมชาติ ลดภาระการจัดการความร้อนไปได้มาก เหมือนกับที่ระบบพลังงานใช้อวกาศเป็นตัวช่วยอย่างสมบูรณ์
สำหรับอนาคต Starcloud มีแผนสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ในอวกาศขนาด 5 กิกะวัตต์ โดยใช้แผงโซลาร์ขนาดมหึมา 4 x 4 กิโลเมตร (พื้นที่รวม 16 ตารางกิโลเมตร!) เพื่อผลิตพลังงานให้ดาต้าเซ็นเตอร์ทำงานได้ต่อเนื่องโดยไม่ต้องใช้แบตเตอรี่หรือระบบสำรอง แต่โครงการนี้ยังเป็นแผนระยะไกล
เป้าหมายใกล้ที่สุดตอนนี้คือ “Starcloud-1” ซึ่งคาดว่าจะถูกส่งขึ้นสู่วงโคจรในเดือนพฤศจิกายน NVIDIA ระบุว่า ดาต้าเซ็นเตอร์นอกโลกจะมีบทบาทสำคัญในการประมวลผลข้อมูลระดับโลกแบบทันที เช่น
-
ตรวจจับสภาพอากาศ
-
วิเคราะห์ผลผลิตหรือพื้นที่เพาะปลูก
-
ค้นหาไฟป่า
-
ตรวจจับสัญญาณขอความช่วยเหลือ
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เพราะสามารถวิเคราะห์ข้อมูล “บนอวกาศโดยตรง” ก่อนส่งผลลัพธ์กลับมายังโลกแบบรวดเร็วเกือบเรียลไทม์
ที่มา: NVIDIA