ปัจจุบัน SSD รุ่นยอดฮิตจากค่าย Western Digital ก็คงหนีไม่พ้นรุ่น Blue .. จริงๆก็ทั้งฝั่งของ HDD และ SSD นั่นแหละ เพราะว่ารุ่น Blue นั้นถือว่าเป็นรุ่นกลาง มีราคาและประสิทธิภาพที่เหมาะสม คุ้มค่า และมีความคงทนในระดับที่เชื่อถือได้
ปัจจุบันนี้ SSD จากทาง WD Blue นั้นก็จะมีอยู่แค่ Interface ความเร็วแบบ SATA 6Gb/s เท่านั้น ส่วนใครที่อยากใช้ประสิทธิภาพของ Mainboard และ Notebook รุ่นใหม่ที่มี Interface แบบ PCIe รองรับ NVMe นั้นก็อาจจะต้องหันไปมอง WD Black รุ่นพี่ ที่มีราคาสูงกว่าแทน .. ซึ่ง WD Black เองก็อย่างที่รู้กันครับ เป็น Flagship หรือเรือธงของแบรนด์ มีความเร็วในการอ่านที่สูงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการโยนไฟล์ใหญ่ๆ หรือ Gamer ที่ต้องการใช้เป็น Drive สำหรับลงเกม.. แต่ก็ต้องยอมรับนะครับ ว่า WD Black มันก็อาจจะเกินความต้องการของใครหลายๆคน ควักเงินจ่ายไปอาจจะใช้ประสิทธิภาพของมันได้ไม่คุ้มก็ได้
ตอนนี้ Western Digital Corp., ก็ได้มีการเริ่มนำ SSD ประเภท NVMe มาใช้กับโปรดักส์ระดับ Mid-End อย่าง WD Blue SSD ด้วยแล้ว ด้วยชื่อรุ่นว่า SN500 (จากที่ก่อนหน้านี้เปิดตัว WD Black SN750 ไป) โดยจะเจาะตลาดกลุ่มผู้ใช้งานที่ต้องการความเร็วมากกว่า SSD ธรรมดา อย่างเช่นการใช้งานที่ต้องทำ Multitasking บ่อย
คอนเซ็ปต์ของ WD Blue NVMe SSD ก็จะคล้ายๆกับ WD Black SN750 ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านั่นแหละครับ ตั้งแต่การใช้ Controller, Firmware และ เทคโนโลยี 3DNAND ซึ่งทาง Western Digital ได้เป็นคนออกแบบและผลิตเอง สำหรับความเร็วในการอ่านแบบ Sequential จะอยู่ที่ 1,700MB/s และความเร็วในการเขียนจะอยู่ที่ 1,450MB/s (สำหรับรุ่น 500GB) ซึ่งถือว่าเร็วกว่า Interface SATA ที่ใช้งานอยู่ถึงสามเท่าตัว ! .. เรื่องการบริโภคพลังงานนั้นก็จะอยู่ราวๆ 2.7W ทำให้เหมาะสมกับการใช้งานบน Notebook หรืออุปกรณ์พกพาที่ต้องพึ่ง Battery ด้วย
เนื่องจากปัจจุบันนี้อุตสาหกรรมของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลกำลังเปลี่ยนถ่ายจากยุคที่ Interface หลักคือ SATA มาเป็น NVMe แทนแล้ว อย่างที่สังเกตกันเลย ปัจจุบันนี้แม้กระทั่งบอร์ดระดับ Entry Level หรือ Notebook ราคาไม่ข้าม 20,000 บาท ต่างก็รองรับ SSD แบบ NVMe กันแล้วทั้งนั้น .. การมาถึงของ WD Blue ที่เป็น Product ระดับ Mainstream ราคาไม่สูงมาก ก็น่าจะเป็นคำตอบให้ผู้บริโภคกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดีเลย
ใครที่กำลังรออยู่ก็อดใจอีกไม่นานครับ WD Blue Blue SN500 NVMe SSD จะมาในขนาด 250GB และ 500GB บน Form Factor แบบ M.2 2280 และวิ่งบน Lane ของ PCIe Gen 3 x2 กับราคาเปิดตัวในสหรัฐที่ $54.99 และ $77.99 ตามลำดับ