อยากจะเจ๋งอยากจะเกิดบนโลกออนไลน์ในตอนนี้จะโพสต์ภาพนิ่งอย่างเดียวคงไม่พอแล้วนะครับ เพราะว่าปัจจุบันสื่อโซเชียลให้ความสำคัญกับ VDO มากไม่เว้นแม้กระทั่งตัว Facebook เองก็ตาม ทั้งหมดก็มาจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เอื้อมากยิ่งขึ้น อาทิ ความไวของอินเทอร์เน็ต หรือสมาร์ทโฟนที่ประมวลผลได้เร็วกว่าเดิม ครั้งนี้เราจะมาสอนมือใหม่ที่ต้องการตัดต่อ VDO ง่ายๆ ด้วย แอปฯ Kinemaster กัน
Kinemaster เป็นแอปฯทางฝั่งของ Android นะครับ ซึ่งส่วนตัวค่อนข้างประทับใจเพราะสามารถปรับแต่งปลีกย่อยได้ตามความต้องการ ถ้าจะเล่าให้เห็นภาพก็ต้องบอกว่าเป็นแอปฯที่นำเอาเมนูพื้นฐานจากโปรแกรมตัดต่อบน PC มาไว้ในแอปฯนี้เลยก็ว่าได้
เริ่มต้นเราต้องสร้าง Project ขึ้นมาก่อน โดยกดที่รูปเครื่องหมายบวก จากนั้นเลือกสัดส่วนภาพตามต้องการ มีทั้ง 16:9 / 9:16 / 1:1
หลังจากนั้นเพิ่ม VDO ลงไปตรงปุ่ม Media ซึ่งเมื่อเพิ่มเข้ามาแล้วเราสามารถลากความยาวที่ต้องการได้จากหัวคลิปหรือท้ายคลิปได้เลย
ส่วนการเปลี่ยนภาพหรือ transition นั้น ก็สามารถทำได้ง่ายๆ เพราะระหว่าง VDO ที่วางลงบน Timeline จะมีสี่เหลี่ยมเล็กๆสีเทาอยู่ จุดนั้นเองที่เราจะเลือกได้ว่าต้องการ transition แบบได้ จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้
ในกรณีที่เราบันทึกภาพเคลื่อนไหวมาจากทริปท่องเที่ยว แล้วรู้สึกว่าเสียงที่บันทึกมาได้ยังดีไม่พอ เราสามารถอัดเสียงทับลงไปบนคลิปได้เลยเพียงแค่เลือกเมนู Voice จากนั้นแค่กดบันทึกครับ
หรือใครต้องการแทรกเสียงเพลงก็ไม่ยาก เลือกที่เมนู Audio จากนั้นเลือกเพลงที่มีอยู่ในอุปกรณ์ของเรา เสร็จแล้วเพลงจะถูกวางบน Timeline ตรงนี้ไม่ต่างกับตอนวางไฟล์ VDO ครับ เพราะเราสามารถกำหนดจากหัวท้ายของเสียงได้เลยว่าต้องการความยาวเท่าใด
สุดท้ายคือการใส่ Text หรือตัวอักษรลงไปบนคลิป ให้เลือกที่เมนู Layer ก่อน จากนั้นเลือก Text ครับ พอเข้าเมนูมาแล้วผู้ใช้จะเลือกได้ทั้งสี รูปแบบอักษร รวมถึงการเคลื่อนไหวด้วยนะครับว่าต้องการแบบใด แต่ก็มีข้อจำกัดสำหรับภาษาไทยครับ เพราะ Font ไทยอาจจะดูโบราณไปนิดหนึ่ง
สรุป
จากความรู้สึกส่วนตัวนะครับ แอปพลิเคชั่นนี้ตอบโจทย์การใช้งานเกี่ยวกับการตัดต่อ VDO บนมือถือเลยทีเดียว ประการแรกคือวิธีการทำงาน เช่น การวาง VDO, การวางเสียง หรือ การใส่ transition
ทั้งหมดทำงานบน Timeline ที่คล้ายกับโปรแกรมบนคอมพิวเตอร์ และสำหรับคุณสมบัติพื้นฐานที่ให้มาก็ถือว่าเพียงพอต่อการทำงานตัดต่อง่ายๆแล้วครับ ที่สำคัญสามารถใช้ได้ฟรี(แลกมากับการติดโลโก้แอปฯ) แต่ข้อจำกัดก็มีอยู่บ้าง อาทิ Font ไทยที่มีอย่างจำกัด รวมถึง Effect สวยๆจะต้องเสียเงินซื้อ และส่วนตัวมองว่ามือถือที่จะใช้งานแอปฯนี้ได้ดีต้องอยู่ในกลุ่มเรือธง หรือสเปคแรงสักหน่อยเนื่องจากมีการประมวลผลภาพเคลื่อนไหวนั่นเอง
ที่มา : maketecheasier