แหล่งข่าวใกล้ชิด SE Daily รายงานว่า ฝ่ายเซมิคอนดักเตอร์ของ Samsung และฝ่ายสมาร์ตโฟนของบริษัทได้ตกลงกันว่า จะยังคงจัดซื้อ DRAM สำหรับมือถือแบบ “ไตรมาสต่อไตรมาส” แทนการล็อกสัญญารายปีเหมือนที่ผ่านมา โดยทีม Device Solutions (DS) ได้กำหนดปริมาณขั้นต่ำสำหรับปีหน้าไว้ล่วงหน้า เพื่อป้องกันปัญหาชิปขาดตลาดก่อนเปิดตัวซีรีส์ Galaxy S26
อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงนี้ก็มีด้านลบเช่นกัน เพราะการตั้งราคาตามรอบทุก 3 เดือนทำให้ทีม Mobile Experience (MX) ต้องรับความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด โดยเฉพาะในช่วงที่ต้นทุนหน่วยความจำกำลังพุ่งขึ้น และถึงแม้จะเป็นธุรกิจภายในบริษัทเดียวกัน Samsung ก็ไม่ยกเว้นตัวเองจากความผันผวนของราคา DRAM และ NAND
เมื่อดูตัวเลขแล้วจะเห็นว่าฝั่ง DS ก็อยู่ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นกัน ราคาของ Mobile DRAM เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว โดยโมดูล LPDDR5X ขนาด 12GB พุ่งขึ้นมาอยู่ราว 70 ดอลลาร์ ในช่วงปลายพฤศจิกายน จากประมาณ 33 ดอลลาร์ เมื่อต้นปี ขณะเดียวกันราคาต้นทุนของโปรเซสเซอร์—which เป็นต้นทุนสูงสุดในสมาร์ตโฟน—เพิ่มขึ้นอีก 25.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อของฝ่าย DX ไตรมาส 3 เพิ่มจาก 8.7 ล้านล้านวอน → 10.9 ล้านล้านวอน
เมื่อรวมต้นทุนของโปรเซสเซอร์และเมโมรี ทั้งสองส่วนนี้คิดเป็น ประมาณ 35% ของต้นทุนเครื่องทั้งหมด เพิ่มขึ้น 5% จากระดับปกติ และสร้างแรงกดดันอย่างมากให้กับทีม MX
สถานการณ์นี้สะท้อนถึง “ความตึงเครียดภายใน” ของ Samsung เอง เพราะฝ่าย DS กำลังปรับทรัพยากรการผลิตไปเน้น HBM สำหรับชิป AI เพื่อทำกำไรสูงขึ้น ทำให้เหลือกำลังผลิตสำหรับชิปมือถือแบบดั้งเดิมน้อยลง ผู้ซื้อที่เคยเซ็นสัญญา DRAM แบบระยะยาวไว้ก่อนหน้านี้อาจเริ่มรู้สึก “พลาด” หากราคาตลาดยังคงพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
ที่มา: SE Daily



