มีรายงานว่า SSD ความจุสูง กำลังประสบปัญหา “ล่าช้าเป็นเวลานานกว่าหนึ่งปี” เนื่องจากผู้ผลิตรายใหญ่ระดับโลกอย่าง Samsung, SK Hynix และ Kioxia ต่างเดินเครื่องการผลิต เต็มกำลัง

ในขณะที่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านหน่วยความจำเตรียมขึ้นราคา DRAM สูงสุดถึง 30% ภายในไตรมาส 4 จากความต้องการ HBM (High Bandwidth Memory) ที่ร้อนแรงสุดขีด ล่าสุดดูเหมือนว่า NAND Flash — ซึ่งเป็นหัวใจของ SSD — ก็กำลังกลายเป็นสินค้าขาดตลาดไม่แพ้กัน

รายงานจาก New Daily ระบุว่า Samsung, SK hynix และ Kioxia ต่างเดินสายการผลิต SSD เต็มกำลัง 100% โดยเฉพาะรุ่น ความจุสูงกว่า 8TB ที่ตอนนี้ คิวการส่งมอบถูกจองยาวข้ามปี ไปจนถึงช่วงครึ่งหลังของปีหน้าเลยทีเดียว

ความต้องการพุ่งแรงจากโลก AI

ข้อมูลจาก TrendForce ชี้ว่า ปริมาณ “ข้อมูลมหาศาลจาก AI” กำลังสร้างแรงกดดันอย่างหนักต่อโครงสร้างพื้นฐานของศูนย์ข้อมูลทั่วโลก เดิมทีระบบจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ใช้ HDD (Hard Disk Drive) เป็นหลัก แต่ตอนนี้ HDD ขาดตลาดหนัก — ระยะเวลารอส่งมอบ (lead time) ขยายยาวถึง 52 สัปดาห์ หรือราวหนึ่งปีเต็ม

ผลลัพธ์คือ ตลาดเริ่มหันมาพึ่ง SSD ประสิทธิภาพสูง แม้ราคาสูงกว่า แต่ตอบโจทย์ด้าน ความเร็ว พลังงาน และความร้อนต่ำกว่า ทำให้เหมาะกับงานระดับ AI training และ inference มากกว่า

SSD มาแรงแทน HDD

ต่างจาก HDD ที่ต้องอาศัยจานหมุนเพื่อบันทึกข้อมูล SSD ใช้สถาปัตยกรรมที่เขียนข้อมูลลงบน NAND Flash โดยตรง ทำให้ เข้าถึงข้อมูลเร็วกว่าเป็นสิบเท่า ใช้ไฟน้อยกว่า และเสียงเงียบกว่า นั่นคือเหตุผลที่ศูนย์ข้อมูลและคลาวด์เริ่มเทใจให้ SSD มากขึ้น

TrendForce คาดว่า การส่งออก QLC SSD ความจุสูง จะเติบโตแบบ “ระเบิด” ในปี 2026

ผู้ผลิตหน่วยความจำขยับตอบโต้ทันที

ในฝั่งผู้ผลิต TrendForce รายงานว่า ทั้ง HDD และ SSD กำลังเร่งขยายไลน์ผลิต รุ่นความจุสูงพิเศษ เช่น 122TB และ 245TB เพื่อลดแรงกดดันระยะยาวจากความต้องการ AI และ Data Center

Samsung – ปรับกลยุทธ์เร็วที่สุด

เปิดตัว SSD PCIe 5.0 สำหรับศูนย์ข้อมูล
ขยายดีลระยะยาวกับผู้ให้บริการคลาวด์ในสหรัฐฯ และยุโรป
เตรียมเดินสายผลิต NAND 300 ชั้น (300-layer NAND) รุ่นใหม่ในอีกไม่ช้า

SK hynix (ผ่านบริษัทลูก Solidigm)

เสริมกำลังการผลิต SSD สำหรับ AI Server โดยเฉพาะ
เจาะตลาดศูนย์ข้อมูลในอเมริกาเหนืออย่างจริงจัง

Seagate และ Western Digital

ผู้เล่นสาย HDD เดิม เริ่ม “ลดไลน์การผลิตจานหมุน”
และหันมาโฟกัสตลาด SSD มากขึ้น เพื่อรักษาส่วนแบ่ง

ภาพรวมตอนนี้คือ สงครามการจัดเก็บข้อมูล (Storage War) ที่กำลังเปลี่ยนสมรภูมิจาก HDD ไปสู่ SSD อย่างชัดเจน
โดยมี AI, Cloud และ Data Center เป็นตัวเร่งให้ทุกค่ายต้องเร่งสปีดให้ทัน

คำถามชวนคอมเมนต์:
ในยุคที่ AI ผลิตข้อมูลมหาศาลทุกวินาที — คุณคิดว่า HDD จะอยู่รอดไหมในอีก 5 ปีข้างหน้า?
หรือ SSD จะขึ้นแท่น “ราชาแห่งการจัดเก็บข้อมูล” แบบเต็มตัว?

ที่มา : TrendForce