อ้างอิงจากสำนักข่าวเกาหลีใต้ The Bell มีรายงานว่า Samsung ได้เริ่มการผลิตจำนวนมากของชิปประมวลผลรุ่นถัดไป Exynos 2600 เร็วกว่ากำหนด ซึ่งถือเป็นชิปรุ่นแรกของบริษัทที่สร้างบนกระบวนการผลิต SF2 (2nm รุ่นแรก)
สาเหตุสำคัญที่ Samsung เร่งผลิต Exynos ตั้งแต่เดือนกันยายน เป็นเพราะ อัตราการผลิตสำเร็จ (Yield) ดีขึ้นเร็วกว่าที่คาด โดยกระบวนการ SF2 มีอัตราผลิตสำเร็จจากประมาณ 30% ในไตรมาส 1 ขยับขึ้นมาอยู่ที่ราว 50% อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้เป็นเพียงค่าประเมินตามชิป AP (Application Processor) จริง ๆ แล้วอัตรา yield จะขึ้นอยู่กับขนาดของไดด้วย
จากข้อมูลเมื่อวันที่ 29 กันยายน มีรายงานว่า Samsung เพิ่งเริ่มใส่เวเฟอร์เข้าสู่ไลน์การผลิต Exynos 2600 และคาดว่า “fab out” หรือช่วงที่เวเฟอร์เสร็จขั้นตอน front-end และออกจากสายการผลิต จะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงต้นพฤศจิกายน หลังจากนั้นชิปจะเข้าสู่กระบวนการทดสอบเวเฟอร์ บรรจุภัณฑ์ (packaging) และตรวจสอบขั้นสุดท้าย โดยการทดสอบเวเฟอร์จะใช้พันธมิตรภายนอก ขณะที่การแพ็กเกจและทดสอบต่อเนื่องทำภายใน Samsung เอง
รายงานยังเสริมว่า การที่ Exynos 2600 เข้าสู่การผลิตแล้ว ทำให้โอกาสที่มันจะถูกใช้ใน Galaxy S26 มีสูงมาก แม้การจัดสรรชิปจะยังไม่ถูกยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่ตามรูปแบบเดิมมักใช้ Exynos สำหรับตลาดเกาหลีและยุโรป ส่วนตลาด อเมริกาเหนือและจีน จะได้ Snapdragon
การผลักดันเทคโนโลยี 2nm ของ Samsung
การที่ Exynos 2600 มีอัตราผลิตสำเร็จสูงขึ้น อาจช่วยให้ Samsung มีที่มั่นแข็งแกร่งขึ้นในตลาดฟาวน์ดรีระดับก้าวหน้า หากโครงการประสบความสำเร็จ โดยมีรายงานว่า Samsung ตัดราคาค่าเวเฟอร์ 2nm เหลือเพียง 20,000 ดอลลาร์ ซึ่งถูกกว่า TSMC ถึง 33% (ที่คาดว่าจะคิดราว 30,000 ดอลลาร์) เพื่อใช้กำลังการผลิตที่ยังเหลือว่าง และกดดันให้คืนทุนจากการลงทุนจำนวนมหาศาลในโรงงานผลิตชิปรุ่นใหม่ ทั้งในเกาหลีใต้และสหรัฐฯ
ขณะเดียวกัน เทคโนโลยี 2nm ของ Samsung ก็เริ่มมีลูกค้ารายใหญ่แล้ว โดย The Bell รายงานว่า Tesla เซ็นสัญญามูลค่า 16.5 พันล้านดอลลาร์ เพื่อผลิตชิป “AI6” บนกระบวนการ SF2P (2nm รุ่นที่สอง) นอกจากนี้ยังมีสตาร์ทอัพ AI สัญชาติญี่ปุ่นอย่าง Preferred Networks (PFN), Ambarella และ AD Technology ที่กำลังพัฒนาชิปด้วยเทคโนโลยี 2nm ของ Samsung เช่นกัน
โดยรวมแล้ว SF2 ถือเป็นกระบวนการผลิตที่ก้าวหน้าที่สุดของ Samsung ในปัจจุบัน ซึ่งใช้เทคโนโลยี GAA (Gate-All-Around) รุ่นที่ 3 เมื่อเทียบกับ SF3 จะได้ ประสิทธิภาพเพิ่มราว 12% และ ประหยัดพลังงานขึ้นราว 25%
ที่มา: TrendForce