มาถึงตอนนี้หลายๆคนคงรู้แล้วหล่ะครับ ว่ามันถือเป็นยุคของ SSD (Solid-State-Drive) อย่างเต็มตัวแล้ว ข้อแรกเลยก็คือเรื่องประสิทธิภาพที่ SSD นั้นทำได้ดีกว่า HDD แบบจานหมุน หรือที่เรียกเต็มๆว่า Harddisk Drive โดยเฉพาะเวลาในการเข้าถึงไฟล์ ทำให้ผู้ใช้งานที่เปลี่ยนจาก HDD มาใช้ SSD นั้นรับรู้ถึงความเร็วและการตอบสนองที่ดีขึ้นได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะคนที่เปลี่ยนเอา SSD มาเป็นไดรฟ์หลักในการติดตั้ง Operating System ด้วย
สมัยก่อน SSD นั้นมีราคาที่สูง ทำให้การเข้าถึงคนทั่วไปนั้นยากนิดนึง ต้องเป็นคอมระดับ High-End เท่านั้นถึงจะมี SSD .. แต่สมัยนี้แล้วเราสามารถหาซื้อ SSD ความจุเริ่มต้นได้ในราคาหลักร้อย เพราะเช่นนั้นไม่ว่าจะเป็นคอมถูกหรือแพง อย่างน้อยก็ต้องมี SSD แล้วหนึ่งลูก ก็คือลูกสำหรับการ Boot Operating System นั่นเอง ส่วนที่เหลือจะเป็น HDD หรืออะไรก็ว่าไป .. ส่วนพวกคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในระดับ High End ขึ้นมาหน่อยก็จะมี SSD ลูกเดียวที่ขนาดใหญ่จนไม่ต้องพึ่งพา HDD อีกต่อไป หรืออาจจะมี SSD หลายลูกก็แล้วแต่สะดวกเลยครับ / ทางด้านตลาด Notebook ก็เช่นกัน เราก็มักจะเห็นว่า Notebook รุ่นใหม่ๆนี้เน้นเรื่องความบางเบาเป็นหลัก ทำให้บางรุ่นไม่สามารถใส่ HDD ใน Form Factor แบบ 2.5" ได้ จึงต้องมีการเปลี่ยนมาใช้ SSD แบบ M.2 หรือบัดกรีลงบน Mainboard ไปเลยนั่นเอง
ทางด้านตลาดของ HDD เองก็เหมือนอยู่ในขาลงต่อเนื่อง อย่างที่เห็นเลยก็คือยอดขายในช่วงไตรมาสแรกของปี 2019 จากบทความของเว็ปไซต์ Trendfocus นั้นก็ได้แสดงให้เห็นว่าจำนวน SSD ประเภท 3.5" และ 2.5" ต่างก็ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ / สำหรับไตรมาสแรกของ 2019 นี้ก็มี HDD ที่ขายไปได้ทั้งหมด 24.5 ล้านตัว เมื่อเทียบกับไตรมาสสุดท้ายของปี 2018 แล้วหล่ะก็ ลดลงไปถึง 4 ล้านตัวเลยทีเดียว
แต่นี่ก็เป็นแค่กลุ่มตลาดของ Consumer Market หรือตลาดผู้บริโภคทั่วไปอย่างเราๆเท่านั้นนะครับ ที่เจอปัญหายอดขายหด .. แต่ถ้าเรามองไปที่กลุ่ม Enterprise หรือ Data Center ที่จำเป็นต้องมีการเก็บข้อมูลมากๆและยังต้องการข้อดีของ HDD อยู่นั้น ก็ไม่ได้เจอปัญหายอดขายตกแต่อย่างใด แต่กลับเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำครับ
ข้อมูลบางส่วนจาก : Guru3D