สวัสดีชาวโอเวอร์คล๊อกโซน ถ้าพูดถึงนักฆ่าเรือธง หรือ Flagship Killer ในกลุ่มคนที่สนใจเทคโนโลยีสมาร์ทโฟนก็จะต้องนึกถึง OnePlus แบรนด์ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนแบรนด์เล็กๆ แต่จัดเต็มกับสเปคในการใช้งาน รวมไปถึงวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ที่ให้ความรู้สึกพรีเมี่ยมกันมากขึ้น มาถึงในยุคของ OnePlus 6 ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีกับการทำตลาดในเมืองไทยเป็นทางการ แต่ช่องการในการซื้อเครื่องศูนย์ไทยนั้นก็ยังมีทางเลือกไม่มากนัก ซึ่ง OnePlus 6 นั้นเรียกได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่มีความจัดเต็มทางด้านเทคโนโลยีในยุค 2018 กับราคาที่จับต้องง่าย มีโมเดลทางเลือกที่ Ram 6GB / Rom 128GB ,Ram 8GB / Rom 128GB และ Ram 8GB / Rom 256GB หัวใจหลักนั้นเราคงทราบกันดีอยู่แล้วว่ามันใช้ SoC ตัวแรงโหดๆอย่าง Qualcomm Snapdragon 845 AIE ที่เรียกได้ว่าแรงที่สุดในฝั่ง Android พร้อมกับเทคโนโลยียุบยับมากมายตามแบบฉบับ Qualcomm ในระดับ Hi-End ที่มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผล Optic AMOLED ขนาด 6.28 นิ้ว ที่ความละเอียด 2280x1080 แบบ Full HD+ 19:9 Full Sereen Display และรอยบากที่หน้าจอ ตามกระแสนิยมของสมาร์ทโฟนในยุค 2018 ทางด้านกล้องที่ ก็ยังมีจุดเด่นด้วย OnePlus 6 Dual Camera 16MP+20MP พร้อมเทคโนโลยีในการถ่ายภาพที่จัดเต็มสุดตราง กล้องหน้ายังเด่นอีกเช่นกัน 16MP ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ช่วยทำให้ถ่ายภาพได้สวยเนียน แล้วยังรองรับการปลดล็อกเครื่องด้วยใบหน้าอีกครับ
Package & Bundled
แพ็คเกจที่มาในสไตล์ของที่จะเป็นสไตล์ของ OnePlus แบบเรียบง่ายด้วยสีขาวแอบซ่อนด้วยสีแดงอันร้อนแรงด้านหลัง โมเดลที่เรามารีวิวนั้นเป็นเครื่องศูนย์ไทยรหัส A6003 รหัสเดียวกับที่ขายในโซนยุโรปและอเมริกา ในกล่องจะมี คู่มือ ,เข็มจิ้มซิม ,สาย USB-C และ USB Charger แบบ Dash Charge ทางด้านหูฟังไม่แถมครับ แต่ OnePlus ใจดีแถมเคสและฟิล์มกันรอยหน้าจอติดมาให้จากโรงงาน
Design & Detail
มาถึงด้านหน้าของ OnePlus 6 ที่ดูแล้วไม่ได้แตกต่งจากสมาร์ทโฟนยุคนี้ ที่จะเห็นได้ว่าหน้าจอ 6.28 นิ้ว จะเป็นแบบ 19:9 หน้าจอมีรอยบาก โดยเครื่องทุกสีจะเป็นขอบหน้าจอสีดำ เครื่องจะมีสัดส่วน 155.7 x 75.5 x 7.75 มม. และ น้ำหนัก 177 กรัม กระจกด้านหน้าเป็นขอบ 2.5D เป็น Corning Gorilla Glass 5
ด้านบนบนจะเห็นได้ว่ามี RGB LED Notification ,เซ็นเซอร์ตรวจจับแสง, หูฟัง และ กล้องหน้าใช้ Sony IMX 371 ความละเอียด 16M F2.0 เซ็นเซอร์ขนาด 1µm
ฝาหลังนี่บ่งบอกความพรีเมี่ยมของนักฆ่าเรือธง ด้วยกระจก พร้อมเฟรมอลูมิเนียม ทำสีมาอย่างสวยงาม เรียกว่าสวยงามมาก OnePlus 6 จะไม่รองรับ Wireless Charging แต่ก็ยังมีเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ NFC ให้ใช้งาน
กล้องหลังตัวหลักจะเป็น 16MP ขนาด 1.22um เซ็นเซอร์ Sony IMX516 พร้อมกับกล้องตัวที่สอง 20MP ขนาด 1um เซ็นเซอร์ Sony IMX376K ที่จะช่วยเข้ามาเก็บรายละเอียดความชัดลึกของภาพ ที่จะมี AI เข้ามาช่วยประมวลผล ทางด้านแสงส่องสว่างจะเป็น Dual Tone LED ยังไงก็ต้องใส่เคส ดูจากในส่วนของเลนส์กล้อง ก็คงจะพอเข้าใจได้ ต้องระวังกันนิดนึงถ้าจะเล่นสดไม่ใส่เคส เซ็นเซอร์แสกนลายนิ้วมือ ที่ถือว่ามีความไวในการปลดล็อกหน้าจอที่เร็วดี เหงื่อออก นิ้วเปียกเล็กน้อย ก็ยังแสกนพอได้
ด้านล่างจะมีลำโพง ,ไมค์ 1 ตัว ,ช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5 มม. ,พร้อมกับ USB Type-C ที่รองรับ USB Audio
ด้านบนที่จะมีไมค์ตัวที่สองเอาไว้ตัดเสียงรบกวน ที่จะอยู่ด้านบน
ด้านข้างขวาจะมีปุ่มพาวเวอร์ และ สวิทซ์เลื่อนเปลี่ยนโหมดการแจ้งเตือน ที่เราสามารถเข้าไปปรับได้ตามการใช้งาน
ด้านข้างซ้ายจะมีถาดใส่ซิมการ์ดและเมโมรีการ์ด 2 ถาด รองรับการติดตั้ง Nano Sim 2 การ์ด และ ปุ่มปรับระดับเสียง
เทียบขนาดตัวเครื่องกันหน่อย กับ iPhone 6s ในมุมมองของคนที่ไม่ชอบสมาร์ทโฟนเครื่องใหญ่ๆ จับไปซักพักเดี๋ยวก็ทำใจได้ครับ
<<< Specifications >>>
ในส่วนของ OS นั้นจะเป็น Android 8.1 ที่ครอบ UI OxygenOS เวอร์ชั่น 5 ก็จะได้รับการอัพเดทเป็น Android ได้แน่นอน
อินเตอร์เฟส OxygenOS ที่จะมีความใกล้เคียงกับ Pure Android มาก แต่จะมีการปรับแต่งให้ใช้งานได้สะดวกมากขึ้น
Apps Draw ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งานได้มากขึ้น ลองดูดีๆ มันมีความใกล้เคียง Pure Android มาก
หน้าจอ Lock Screen ที่จะมีการแสดงผล การแจ้งเตือนต่างๆด้วย
เมื่อปัดหน้าจอมาทางด้านซ้ายจะผมกับรายการที่ใช้เป็นประจำ และการแสดงผลข้อมูลต่างๆ ที่สามารถปรับแต่งได้ตามการใช้งานและความชอบ เมื่อกดปุ่มพาวเวอร์ค้างสามวิ จะมีเมนูให้สั่งรีบูตหรือปิดเครื่อง
Toggle Panel ที่จะมีด้านบนจะแสดงอากาศได้ด้วย แถมยังรองรับการปรับแต่งและเรียงลำดับทางลัดให้ตำแหน่งตามที่ถนัดครับ โดยในส่วนนี้จะมีการแจ้งเตือนมาตรฐานแบบฉบับของ Android เหมือนปกติ
ในส่วนของการ Setting ที่มีความใกล้เคียง Android Pure แต่มีการปรับแต่งให้เข้ากับฟีเจอร์ของ OnePlus
การปรับแต่งการใช้งานต่างๆ อย่างที่ผมได้บอกไปเมื่อหน้าแรก ในปุ่มเลื่อนเปลี่ยนโหมดการใช้งาน ที่เรามาตั้งค่าการใช้งานได้
ทางด้านการแสดงผลและสถานะต่างๆนั้นสามารถปรับแต่งกันได้พอสมควร โดยทางด้านการแสดงผลนั้นสามารถเปิดแบบ Full View โดยใช้คำสั่งใช้นิ้วรูดหน้าจอแทน navigation bar และ วาดนิ้วแทนการเปิดแอป
UI ที่สามารถเปลี่ยนเป็นสีดำ ที่ดูเหมาะสมและช่วยประหยัดพลังงานกับการใช้งานบนจน Optic AMOLED โดยยังสามารถปรับแต่งได้อีกพอสมควร
พื้นที่ Rom และ Ram ที่เหลือใช้งานได้จริงสำหรับโมเด
รายละเอียดต่างๆของตัวเครื่อง
CPU 64 Bit แต่ OS เป็น 64 Bit
เซ็นเซอร์ต่างๆมาครบถ้วน
รองรับการ Mulit Touch 10 จุด
OnePlus 6 ขนาดตัวเครื่องที่ใหญ่ ถ้าจับเอาให้ถนัดสองมือจะดีกว่า แต่ถ้ามือใหญ่ๆ มือเดียวถือว่าพอได้ครับ ก็ใหญ่กว่ามือถือ 5 นิ้ว ใส่กระเป๋ากางเกงยีนส์ไม่รู้สึกอึดอัดตึงๆอยู่บ้าง ถ้าใครขาใหญ่ๆ เวลานั่งก็ระวังกันนิดนึง หน้าจอแสดงผล Optic AMOLED ที่มีความสดใสในการแสดงผลดีมากๆ สู้แดด สู้ฝน(ที่ตกไม่หนักสบาย) เพราะตัวเครื่องรองรับการป้องกันน้ำและฝุ่นละอองที่มาตรฐาน IP อะไร ก็ไม่ทราบเพราะไม่มีแจ้งไว้
การปรับโปรไฟล์สีสันในการแสดงผลที่ทำหลากหลาย รวมไปถึงโหมดการอ่านที่ช่วยถนอมสายตา โดยเราตั้งได้ว่าเวลาเข้าแอปการใช้งานอะไรให้เปลี่ยนโหมดให้ทันที
ตำแหน่งของตัวแสกนลายนิ้วมือ ที่ใช้งานได้สะดวก ถือมือเดียวแบบตึงๆ ก็วางนิ้วชี้ไปเครื่องพร้อมใช้งานได้ทันที
Face Unlock ที่ใช้งานได้ดี ที่แสงน้อยต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นมาหน่อย
ฟีเจอร์ Face Unlock ที่ปรับแต่งได้หลากรูปแบบ
ใครที่เกลียดจอแหว่ง ก็ปิดได้ไม่มีปัญหาอะไร ในกรณีที่เป็น Pure Android ,Android One จะไม่สามารถปิดจอแหว่งได้
มาถึงในเรื่องของแบต ที่ความจุแบต 3300 mAh ใช้งานทั่วไป เล่นเน็ต ฟังเพลง เล่นเกม และ คุยต่างๆ 1 วันเอาอยู่ กลับถึงบ้านยังมีเหลือให้ใช้งานได้ก่อนนะ ก็ขึ้นกับการใช้งานของแต่ละคน การใช้ชาร์จแบตกลับนั้นทำได้รวดเร็ว เพราะมีเทคโนโลยี Dash Charge ด้วยครับ
Gaming Mode ที่จะช่วยปิดการแจ้งเตือนต่างๆ ที่จะมาขัดขวางความสุขในการเล่นเกม
การเล่น PUPG เล่นได้ลื่นๆแน่นอน ปรับกันแบบสุดๆ ก็เล่นได้สบาย SDM845 อยู่แล้ว ยังไงก็ไหว
ROV ก็เล่นได้สบาย ถ้า PUPG เล่นได้ ROV ก็ลื่นเช่นกัน
Asphalt 9 ที่เล่นได้ลื่นๆ สบายๆ
ความร้อนของตัวหน้าจอ ตลอดการเปิดใช้งานเล่นเกมประมาณ 1 ชั่วโมง ที่จะอยู่ประมาณ 41 องศา ในห้องไม่เปิดแอร์
ความร้อนของตัวของตัวเครื่องด้านหลัง ตลอดการเปิดใช้งานเล่นเกมประมาณ 1 ชั่วโมง ที่จะอยู่ไม่เกิน 42 องศา ในห้องไม่เปิดแอร์
Dash Charge จะเปิดใช้งานได้เมื่อ USB Charger และ สาย USB-C ที่รองรับ โดยจะมีโลโก้สายฟ้าฟ้าดขึ้นมาให้เห็น
ในกรณีที่ USB Charger หรือ สาย USB-C ไม่รองรับ Dash Charge จะเป็นการชาร์จปกติ
ในการถ่ายภาพจะมี Camrea ติดตัวมาก็รองรับรูปแบบการถ่ายแบบมาตรฐาน ที่ยังสามารถถ่ายภาพเป็นไฟล์ RAW ที่คุณภาพดีกว่า Jepg
ถารถ่ายวีดีโอที่ทำได้ถึง 4K 60FPS นอกจากนั้นยังมีโหมดถ่ายภาพต่างๆได้อีกหลากหลาย
การถ่ายแบบปรับเอง ที่ทำให้มีลูกเล่นในการภ่ายภาพได้หลากหลาย ปรับกันได้อย่างสนุกสนาน แต่อย่าลืมว่านี่มันกล้องจากสมาร์ทโฟน
มาถึงกล้องหน้ากันบ้าง ที่จะสามารถปรับระดับให้สวยงามได้จากแถบเป็นระดับ ก็ลองปรับเล่นดูได้ตามวามชอบ
ภาพซ้าย ไม่เปิดโหมด Beauty และ ภาพขวา เปิด Beauty ดันสุด
Auntutu Benchmark
Geekbench
3DMARK
PCMARK
AndroBench
Cpu Throttling
Conclusion !
OnePlus 6 โดนใจกับคนที่ชอบความคุ้มค่าของสมาร์ทโฟน ที่ไม่ได้เน้นแต่ราคาที่ถูก แต่เน้นถึงสเปคที่ครบเครื่อง การใช้งานครบครัน ในระดับ Flagship ที่มีความพรีเมี่ยมของวัสดุ ความสู้สึกในการจับรู้สึกว่ามันแพง สมกับความเป็น Flagship Killer ของคอนเซ็ปต์การออกมาของแบรนด์ OnePlus ที่จ่ายกันได้ในราคาไม่สูงมาก ทางด้านความแรงนั้นคงไม่ต้องพูดถึงแน่นอนด้วยการใช้ Snapdragon 845 แรงสุดของตลาดสมาร์ทโฟนฝั่ง Android ด้วยการออกแบบที่เป็น Full View Display ทำให้ขนาดหน้าจอ Optic AMOLED ขนาด 6.28 นิ้ว ไม่ได้ให้รู้สึกว่าใหญ่ไปมากมายนัก ทางด้านการใช้งานต่างๆที่ OnePlus 6 นั้นตอบสองกับการใช้งานได้ดี ฟีเจอร์ต่างๆที่ใส่มาในเครื่องนั้นถือว่าสามารถใช้งานได้จริง พร้อมกับความไหลลื่นในการใช้งานได้เป็นอย่างดี ทางด้านการใช้เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ รองรับการใช้งาน 4G ได้ 2 Sim พร้อมกัน 3CA และ Gigabit LTE เรียกได้ว่าแรงสุดหัวแถว OnePlus 6 ถ้าให้พูดคงจะไม่มีอะไรต้องมาติชมกันมาก เอาเป็นว่า OnePlus 6 เหมาะกับคนที่ไม่ได้เน้นสมาร์ทโฟนราคาถูก แต่เน้นสิ่งที่ได้กลับมาจาก OnePlus 6 ได้คุ้มเกินราคาก็แล้วกัน สำหรับวันนี้ผมขอลาแต่เพียงเท่านี้ สวัสดีครับ
Price : 8/128GB = 19,XXX บาท
8/256GB = 21,XXX บาท