Atlas Data Storage สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลด้วย DNA เปิดตัวบริการเชิงพาณิชย์ครั้งแรก “Atlas Eon 100” ที่ถูกอ้างว่าเป็น “โซลูชันจัดเก็บข้อมูลด้วย DNA แบบปรับขยายได้เป็นรายแรกของโลก”
แม้จะยังไม่ขายฮาร์ดแวร์ให้ผู้ใช้งานทั่วไป แต่บริษัทได้เปิดให้ใช้งานบริการนี้แล้ว พร้อมคำเคลมความหนาแน่นและอายุการเก็บข้อมูลระดับ “เหนือชั้น” ที่มาพร้อมการเปรียบเทียบกับเทปแม่เหล็กแบบดั้งเดิมแบบจัดเต็ม
ผู้ก่อตั้ง Bill Banyai ระบุว่า
“Atlas ภูมิใจที่เป็นบริษัทเดียวในโลกที่ส่งมอบผลิตภัณฑ์จัดเก็บข้อมูลด้วยเทคโนโลยี DNA ในระดับการผลิตจริง นี่คือผลลัพธ์จากการพัฒนาตลอดกว่า 10 ปี เรามุ่งหวังนำเสนอโซลูชันสำหรับการเก็บถาวรระยะยาว การคงสภาพข้อมูลของโมเดล AI และการปกป้องข้อมูลเชิงมรดกหรือคอนเทนต์มูลค่าสูง”
จากคำเคลมฟังดูน่าสนใจมาก ลองมาดูรายละเอียดกันใกล้ ๆ
เก็บข้อมูลได้ “เป็นพันปี” ไม่ต้องรีเฟรช
Atlas คุยชัดว่าแคปซูล DNA ของบริการ Eon 100
-
สามารถ “เก็บข้อมูลได้นับพันปีโดยไม่ต้องทำการ refresh”
-
ทนความร้อนได้ถึง 104°F (ราว 40°C)
เมื่อเทียบกับเทปแม่เหล็ก LTO ที่ต้องรีเฟรชทุก 7–10 ปี และต้องการห้องควบคุมอุณหภูมิ/ความชื้นเฉพาะทาง Atlas ชี้ว่าการทำซ้ำสำเนาด้วย DNA ยังทำได้ง่ายกว่าและรวดเร็วกว่าอีกด้วย
ความหนาแน่นมหาศาล: 60PB ในพื้นที่เพียง 60 ลูกบาศก์นิ้ว
Atlas ระบุว่าระบบจัดเก็บของ Eon 100
สามารถเก็บข้อมูลได้ 60 เพตะไบต์ ในพื้นที่เพียง 60 ลูกบาศก์นิ้ว (ไม่ถึง 1 ลิตร!)
คิดเทียบง่าย ๆ คือ หนาแน่นกว่าเทป LTO-10 ประมาณ 1,000 เท่า
ภาพตัวอย่างที่บริษัทโชว์เป็นถาดใส่แคปซูลขนาดเล็กหลายชั้น ซึ่งหากเทียบเป็นพื้นที่ใช้งานจริง ก็มีขนาดเพียงประมาณ “ขวดน้ำหนึ่งลิตร” เท่านั้นเอง
ยังไม่ขายออนไลน์ ต้องติดต่อโดยตรง
Atlas ได้นำ Eon 100 ไปสาธิตที่งาน AIMA Conference ที่ Baltimore แต่ยังไม่เปิดขายผ่านเว็บไซต์ ผู้สนใจต้องติดต่อบริษัทผ่านฟอร์มบนเว็บ ซึ่งทำให้ยังไม่ทราบโครงสร้างราคา
บริษัทอ้างว่าระบบนี้ใช้ DNA สังเคราะห์จาก Twist Bioscience ซึ่งเคยร่วมงานกับ Microsoft ในโครงการจัดเก็บข้อมูลด้วย DNA มาก่อน
แล้วเมื่อไหร่จะมี “ฮาร์ดดิสก์ DNA สำหรับ PC”?
การที่เทคโนโลยี DNA storage เริ่มมีบริการเชิงพาณิชย์ถือเป็นก้าวสำคัญ แต่กว่าจะกลายเป็นสตอเรจกระแสหลักในระดับผู้ใช้ทั่วไปอาจต้องรออีกเป็นทศวรรษหรือมากกว่า
แม้จะจินตนาการถึงโน้ตบุ๊กที่มีช่องใส่ “แคปซูล DNA” เพื่อเก็บข้อมูลระดับหลายสิบเพตะไบต์ได้ แต่ในโลกจริง เทคโนโลยีนี้ยังห่างไกลจากการใช้งานในอุปกรณ์ส่วนบุคคลอยู่พอสมควร
ที่มา: Tom's Hardware



