Announcement

Collapse
No announcement yet.

เล่าสู่กันฟัง...เปิดประสบการณ์กับสาย HDMI ของ Transparent รุ่น High Performance

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • [Review] เล่าสู่กันฟัง...เปิดประสบการณ์กับสาย HDMI ของ Transparent รุ่น High Performance

    ...

    เกริ่นนำ...

    หลังจากที่ตัวผมล้างราจากการเขียนบทความมานาน (เพราะงานเข้าอย่างต่อเนื่อง)

    พอเริ่มจะมีเวลา - อารมณ์ - และเพิ่งได้ของเล่นใหม่ (คือ...จอ LED Cinema TV ขนาด 58" ของ Phillips 58PFL5599H)

    ผมก็เลยอยากเอาเรื่องราวที่ตัวผมได้ประสบพบเจอเกี่ยวกับสาย HDMI มาเล่าให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่กำลังสนใจได้ฟังกันสักนิด

    ซึ่งบทความในครั้งนี้...ผมจะมุ่งประเด็นไปที่เรื่องความแตกต่างของคุณภาพของภาพแต่เพียงอย่างเดียว

    เพราะเรื่องภาพจะเป็นอะไรที่สังเกตุง่าย และดูเป็นรูปธรรมมากกว่าเรื่องเสียง (ประมาณว่า...นั่งเปิดเวปดูรูปอยู่ที่บ้าน ก็เห็นความแตกต่างแล้ว)

    ส่วนเรื่องเสียง...ก็คงต้องรอเวลาเบิร์นสายให้เข้าที่มากกว่านี้อีกสักนิด

    เพราะพอได้สายมาปุ๊บ!!! ผมกับจับมันมาทำการทดสอบกับสาย No Name ที่ผมยืมรุ่นน้องมาใช้ก่อนหน้านี้ในทันที

    และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ผมก็ขอเข้าเรื่องเลยแล้วกัน...

    สำหรับสายที่ผมนำมาทดสอบในครั้งนี้จะเป็นสาย HDMI เวอร์ชั่น 1.4 ทั้ง 2 เส้น

    สำหรับสายเส้นแรก...จะเป็นสาย No Name ความยาว 2 เมตรที่วางขายตามตลาด IT ทั่วไป ซึ่งดูจากสภาพการภายนอกแล้ว ราคาคงไม่น่าจะถึงหลักพัน

    ส่วนสายเส้นที่สอง...จะเป็นสายของ Transparent รุ่น High Performance ความยาว 2 เมตร ส่วนราคาก็ High พอใช้ได้เลยครับ

    ถ้าใครอยากดูรายละเอียดของสาย HDMI รุ่นนี้ ก็เข้าไปดูในเวปของ Tran. ได้เลยครับ

    http://www.transparentcable.com/prod...tID=3&modCAT=1




    - แม้สเปคบนกล่องจะเขียนว่า HDMI1.3 แต่จริงๆ แล้วพี่ Tran. แกทำมา Support 1.4 มาตั้งแต่แรกแล้ว


    - สายสีดำด้านล่างคือสาย No Name


    - สายสีฟ้าด้านบนคือสาย High Performance ของ Transparent





    เข้าสู่โหมดทดสอบ...

    - อุปกรณ์ที่ใช้ในการทดสอบ

    Source หลักที่ผมใช้ในการทดสอบครั้งนี้ จะเป็นเครื่อง Graphic Work Station ของ Dell รุ่น Precision T3500

    ซึ่งใช้ Intel Xeon Quad Core > RAM 4 GB > Geforce 9800GTX > WIN7 64 Bit

    โดยผมจะเสียบสาย HDMI แบบต่อตรงจาก Display Card (Geforce 9800GTX+) เข้าจอ Phillips LED TV (ไม่ได้ผ่าน AVR)

    ซึ่งโปรแกรมเล่นไฟล์ Hi-def ที่ผมใช้ก็จะเป็นโปรแกรม PotPlayer 64bit ซึ่งใช้ LAVFilters-0.45 เป็นตัว Decode โดยเลือก CUDA เป็นตัว Render

    ส่วนไฟล์ Hi-def ที่ผมนำมาใช้ทดสอบในครั้งนี้จะเป็นไฟล์ที่มีความละเอียดระดับ 1080p และ Full Rip ทั้งหมด ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 5 ไฟล์ (จริงๆ มีมากกว่านั้น)

    นอกจากนั้น...ห้องที่ผมใช้ในการทดสอบ (ซึ่งก็คือ...ห้องทำงานของผมเอง) ถือเป็นห้องที่ควบคุมแสงจากภายนอกและภายในได้

    และเพื่อไม่ให้แสงไฟหรือแสงอาทิตย์จากภายนอกอาคารมารบกวนในระหว่างที่ทำการทดสอบ

    ผมจึงเลือกที่จะทดสอบสาย HDMI ในตอนกลางคืนซึ่งเป็นช่วงที่ไม่มีคนอยู่ โดยผมจะปิดผ้าม่านและปิดไฟเกือบทุกดวงในห้อง

    จะเหลือก็แต่เพียงไฟ Dim Light จากแสงของหลอดฮาโลเจน 1 ดวงซึ่งเปิดหรี่มากๆ เท่านั้น (แต่ภาพห้องที่นำมาให้ดู จะเป็นตอนที่ยังไม่ปิดไฟครับ)











    - อุปกรณ์ที่ใช้ในการบันทึกภาพ

    สำหรับกล้องถ่ายรูปที่ผมใช้ถ่ายรูปในครั้งนี้ จะเป็นกล้อง Canon EOS 7D + Len 24-70mm โดยผมจะใช้ขาตั้งกล้องของ Benro ซึ่งขอบอกว่าหนึบมาก

    จากนั้น...ผมก็จะเซ็ตตำแหน่งกล้องให้คงที่ และตั้งค่ากล้องในแต่ละช็อตตรงกันทุกค่า (คือ...ในช็อตเดียวกันค่าจะตรงกันทุกค่า) ไม่ว่าจะเป็น...

    ความยาวโฟกัส , ค่าISO , White Balance , Exposure time หรือ Shutter Speed (ซึ่งก็คือความเร็วชัตเตอร์) , fStop (ความกว้างของรูรับแสง)

    เพื่อป้องกันไม่ให้ผลการทดสอบมีความคลาดเคลื่อนอันเนื่องมาจากการตั้งค่าไม่ตรงกัน

    ซึ่งภาพทั้งหมดที่ผมนำมาให้ดู จะมีภาพเพียงแค่เซ็ตเดียวเท่านั้น (คือภาพเซ็ตที่ 5 จากทั้งหมด 9 เซ็ต)

    ที่ผมเผลอตั้งค่า Exposure time หรือความเร็วชัตเตอร์ต่างกันเล็กน้อย นอกนั้น...ขอยืนยันว่าเหมือนกันทุกประการ จะต่างก็แค่เรื่องสาย HDMI

    ส่วนว่า...ภาพที่เกิดจากสาย HDMI ทั้ง 2 สายในแต่ละเซ็ต จะมีความแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน!!!

    ก็ขอเชิญเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกท่านตัดสินด้วยตาของคุณเองเลยครับ

    เพราะผมเชื่อว่า...หนึ่งล้านคำพูด!!! ฤาจะสู้การบอกเล่าด้วยภาพเพียงภาพเดียว (นี่เอามาให้ดูตั้ง 18 ภาพ)


    หมายเหตุ : เนื่องจากภาพที่โพสท์ในเวปบอร์ดจำเป็นต้องใช้ภาพขนาดเล็กซึ่งถูกบีบอัดมาจนเกือบเละ

    ดังนั้น...ความแตกต่างระหว่างภาพที่ใช้สาย HDMI ทั้ง 2 เส้นจึงอาจจะสังเกตุได้ยากถ้าหากดูภาพจากเวปบอร์ด

    ถ้าท่านใด!!! อยากเห็นความแตกต่างของภาพแบบง่ายๆ และชัดเจนกว่าในเวป แนะนำให้ Download ลิงค์ภาพขนาดใหญ่ที่ผมแปะเอาไว้เหนือภาพครับ

    โหลดมาแล้ว...ค่อยเปิดเทียบความแตกต่างของภาพด้วยโปรแกรมดูภาพอย่าง ACDsee หรือ Picasa แบบช็อตต่อช็อตเลย





    ***ช็อตที่ 1***(00 Avatar) สังเกตุสีผิว , แสงเงาบริเวณเส้นผม , Noise และสีบริเวณฉากหลังของภาพ

    - สาย No Name http://img441.imageshack.us/img441/1...arnoname01.jpg


    - สาย Transparent http://img267.imageshack.us/img267/8...atartran01.jpg


    - ค่าการตั้งกล้อง





    ***ช็อตที่ 2***(11 Avatar) สังเกตุสีและแสงเงาบริเวณแก้ม , บริเวณใต้คาง , Noise และสีบริเวณฉากหลังของภาพ

    - สาย No Name http://img85.imageshack.us/img85/904...arnoname01.jpg


    - สาย Transparent http://img513.imageshack.us/img513/8...atartran02.jpg


    - ค่าการตั้งกล้อง





    ***ช็อตที่ 3***(22 Avatar) สังเกตุสีผิว , แสงเงาใต้คาง , Noise และสีบริเวณฉากหลังของภาพให้ดี

    - สาย No Name http://img403.imageshack.us/img403/2...arnoname02.jpg


    - สาย Transparent http://img404.imageshack.us/img404/7...atartran02.jpg


    - ค่าการตั้งกล้อง





    ***ช็อตที่ 4***(33 Transformers 3) สังเกตุแสงเงาบริเวณเส้นผม , Noise และการไล่โทนสีบริเวณผิวหน้าของนางเอกให้ดี

    - สาย No Name http://img196.imageshack.us/img196/3...r3noname01.jpg


    - สาย Transparent http://img829.imageshack.us/img829/7...mer3tran01.jpg


    - ค่าการตั้งกล้อง





    ***ช็อตที่ 5***(44 Transformers 3) สังเกตุ Noise บริเวณผิวหน้า , มือและเสื้อผ้าของตัวละคร รวมถึงแสงเงาที่เส้นผมของนางเอก
    หมายเหตุ:ในช็อตนี้ผมเผลอตั้งค่า Exposure time ต่างกันเล็กน้อย

    - สาย No Name http://img864.imageshack.us/img864/9...r3noname02.jpg


    - สาย Transparent http://img718.imageshack.us/img718/4...mer3tran02.jpg


    - ค่าการตั้งกล้อง





    ***ช็อตที่ 6***(55 Hitman) สังเกตุรัศมีแสงไฟของสบอร์ตไลท์ด้านซ้าย , contrast บริเวณหัวคนดู รวมถึงแสงเงาในที่มีแสงน้อย
    หมายเหตุ:ในช็อตนี้ เฟรมภาพจะต่างกันประมาณ 1 วินาที

    - สาย No Name http://img705.imageshack.us/img705/4...annoname01.jpg


    - สาย Transparent http://img339.imageshack.us/img339/8...tmantran01.jpg


    - ค่าการตั้งกล้อง





    ***ช็อตที่ 7***(66 Real Steel 01) สังเกตุสีของหมวก , แสงเงาที่ใบหน้ารวมถึง Noise และสีของฉากหลัง

    - สาย No Name http://img28.imageshack.us/img28/444...elnoname01.jpg


    - สาย Transparent http://img822.imageshack.us/img822/3...teeltran01.jpg


    - ค่าการตั้งกล้อง





    ***ช็อตที่ 8***(77 Real Steel 02) สังเกตุแสงเงาที่ลูกนัยตา รวมถึงการไล่โทนสีและ Noise บริเวณฉากหลังของภาพให้ดี

    - สาย No Name http://img837.imageshack.us/img837/8...elnoname02.jpg


    - สาย Transparent http://img441.imageshack.us/img441/3...teeltran02.jpg


    - ค่าการตั้งกล้อง





    ***ช็อตที่ 9***(88 Car) สังเกตุแสงเงาบนถนน , รัศมีของแสงไฟ , รีเฟลคสีแดงชมพูของรถคันสีฟ้า

    - สาย No Name http://img141.imageshack.us/img141/8...arnoname01.jpg


    - สาย Transparent http://img13.imageshack.us/img13/5484/88cartran01.jpg


    - ค่าการตั้งกล้อง





    สรุปผลการทดสอบ...

    จากภาพทั้งหมดที่ผมนำมาให้ดู จะเห็นได้ว่าสาย High Performance ของ Transparent สามารถขุดเอารายละเอียดของภาพออกมาได้อย่างดีเยี่ยม

    ภาพดูมีมิติและมีความชัดเจนเป็นอย่างมาก ระยะชัดตื้น-ชัดลึก รวมถึง Detail ในบางจุดที่เคยดูคลุมเคลือเมื่อใช้กับสาย HDMI ทั่วไป

    แต่เมื่อเปิดดูกับสาย High Performance ของ Transparent สายเส้นนี้กลับช่วยทลายเมฆหมอกและเผยให้เห็น Detail ที่แท้จริงของภาพ

    โดยเฉพาะในจุดที่เป็นมุมมืด หรือจุดที่มีค่า Brightness/Contrast แตกต่างกันค่อนข้างสูง

    นอกจากนั้น...สายสีฟ้าเส้นนี้ยังทำให้เนื้อสีดูอิ่ม สีสันที่ปรากฏในภาพแลดูมีน้ำมีนวลกว่าตอนที่ใช้สาย No Name ค่อนข้างมาก

    โดยสีแต่ละสีจะมีความเป็นธรรมชาติและให้ค่าสีได้อย่างตรงไปตรงมา

    คือ...ไม่ซีดจนเซ็ง แล้วก็ไม่สดจัดจนเวอร์หรือเกินพอดี (ถ้าใครที่เรียนจบทางด้านอาร์ตมา น่าจะเข้าใจเรื่องความถูกต้องของสีได้ไม่ยาก)

    การเกลี่ยสีหรือการไล่โทนสีก็ทำออกมาได้ดีและเนียนตา จะเห็นได้ว่า Gain สีของฉากบางฉากที่เคยแตกเป็นเม็ดพิกเซลหยาบๆ

    จะแลดูกลมกลืนและมีความต่อเนื่องเชื่อมโยงกันมากขึ้น ซึ่งก็เป็นผลทำให้องค์รวมของภาพแลดูนุ่มนวลสบายตา และดูมีความแตกต่างจากสาย No Name โดยสิ้นเชิง

    ถึงแม้ภาพจะออกมาดูนุ่มนวลสบายตา แต่มันก็ยังคงไว้ซึ่งความคมชัดของภาพในระดับ High-definition

    หรือพูดง่ายๆ ว่ามิติของภาพดูเนียนตา แต่ภาพยังคมกริบ!!! ไม่ติดอาการเบลอใดๆ ทั้งสิ้น

    ยิ่งไฟล์ไหนที่บันทึกภาพมาดีๆ และมีความคมชัดมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกอยู่แล้ว (เช่น...Real Steel)

    มิติและรายละเอียดของสีสันต่างๆ จะโดดเด้งออกมาให้เราได้สัมผัสและจับต้องด้วยตาเปล่าแบบง่ายๆ และไม่ต้องเพ่งจ้องเลยทีเดียว

    และที่สำคัญมากๆ อีกจุดหนึ่งก็คือ...สัญญาณขยะปนเปื้อน หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า Noise

    เจ้าสาย High Performance ของ Transparent ก็สามารถขจัด Noise ออกไปได้ชนิดที่เรียกว่า...เอาอยู่!!!

    แม้บางเรื่องจะขจัด Noise ออกไปได้ไม่ถึงกับหมดเกลี้ยง แต่มันก็ทำให้ Noise ที่ติดมาจากการบันทึกภาพของภาพยนต์เรื่องนั้นๆ จางหายไปได้เยอะ

    เรียกได้ว่า...ไม่ทำให้เป็นที่รกตา รกใจเหมือนตอนที่ใช้กับสายตลาดทั่วไป

    สำหรับในจุดนี้...ภาพยนต์เรื่อง Transformers 3 น่าจะเห็นได้ชัดเจนกว่าภาพยนต์เรื่องอื่นๆ

    เพราะเรื่องนี้แทบทุกภาค Noise โคตะระเยอะ (ไม่ว่าจะเล่นจากแผ่น Blu-ray Masters แบบ Limited Edition หรือเล่นจากไฟล์ Full Rip ก็เจอ Noise หมด)

    ส่วนเรื่องความดำสนิทของสีดำที่หลายๆ ท่านเจอปัญหา เรื่องนี้ผมไม่ค่อยเห็นผลของความแตกต่างเท่าไหร่นัก แม้จะใช้กับสาย HDMI ธรรมดาก็ตาม

    เพราะจอทีวีที่ผมใช้อยู่จะเป็นจอแบบ Full LED (คือ...จอที่มีหลอด LED เต็มแผงหลังกว่าพันหลอด)

    และมีระบบ Local Dimming (คือ...ระบบจอที่สามารถเปิดปิดหลอด LED เฉพาะจุดที่เป็นสีดำเพื่อให้เกิดภาพที่ดำสนิท)

    ดังนั้น...เรื่องความดำสนิทของฉากที่เป็นสีดำจึงไม่มีปัญหาสำหรับผม แต่ส่วนที่เห็นผลต่างมากๆ ในเรื่องของสีดำก็คือ...รายละเอียดที่ซ่อนอยู่ในเงาดำ

    ซึ่งสาย High Performance ของ Transparent สามารถขุดเอารายละเอียดในส่วนนี้ออกมาให้ผมได้เห็นโดยไม่ต้องเพ่งจ้องอะไรเลย

    นอกจากสายเส้นนี้จะมีดีเรื่องของการแสดงผลทางด้านมิติของสี , การไล่โทนสี และรายละเอียดของภาพแล้ว

    เท่าที่ผมสังเกตุเห็นการเปลี่ยนแปลงอีกจุดหนึ่ง (แต่ไม่สามารถถ่ายรูปเอามาให้ดูได้) นั่นก็คือเรื่องความลื่นไหลในการเล่นไฟล์ที่เปิดจากเครื่องคอมพิวเตอร์

    เพราะก่อนหน้าที่ผมจะได้สาย High Performance ของ Transparent มาใช้ เวลาผมเล่นไฟล์ Hi-def จากเครื่องคอมพิวเตอร์

    ภาพจะมีอาการกระตุกหรือสะดุด (โดยเฉพาะฉากที่มีการแพนกล้องไวๆ) ให้เป็นที่รำคาญใจอยู่บ้างเล็กน้อย

    จนทำให้ก่อนหน้านี้...ผมมีความคิดที่จะหาอุปกรณ์จำพวก HD-Player มาใช้

    แต่พอวันที่ผมทำการทดสอบสาย HDMI สีฟ้าเส้นนี้ รวมถึงวันที่ผมเขียนบทความ อาการกระตุกมันกลับลดน้อยลงไปจนเกือบจะไม่มีให้เห็นเลย

    บางฉากที่เคยมีอาการกระตุกมาก (จริงๆ ก็ไม่ถึงกับมากหรอก) ก็ลดน้อยลงในระดับที่รับได้

    บางฉากที่เคยกระตุกน้อยๆ ก็กลับกลายเป็นลื่นไหลไม่มีอาการสะดุดกึกๆ กักๆ ให้รำคาญตา

    จุดนี้เอง...ที่ทำให้ผมประจักษ์ด้วยสายตาตัวเองแล้วว่า สาย HDMI ที่มีคุณภาพดีๆ มันให้ผลได้มากกว่าที่ตัวผมเคยคาดคิดเอาไว้

    เสียดายที่ผมยังไม่ได้ฟังเสียงที่เชื่อมต่อจากสายเส้นนี้ เพราะตอนนี้อุปกรณ์บางตัวยังไม่พร้อมเท่าไหร่นัก

    เอาไว้โอกาสหน้า ถ้ามีเวลา - อารมณ์ และมีอุปกรณ์เชื่อมต่อต่างๆ ที่สมบูรณ์กว่าในตอนนี้ แล้วผมจะกลับมาโม้เรื่องเสียงให้ฟังอีกครั้งครับ




    บทสรุปส่งท้าย...

    จากที่ผมกล่าวมาทั้งหมด!!! ผมอยากจะบอกให้ทุกๆ ท่านที่กำลังอ่านบทความของผมได้รับรู้ว่า...

    ผมไม่ได้มีเจตนาอื่นใดแอบแฝงเลยนอกเหนือไปจาก...ผมอยากจะนำเรื่องราวที่ตัวเองประสบพบเจอกับของดีๆ สิ่งดีๆ มาเล่าสู่กันฟังแบบพี่ๆ น้องๆ

    ส่วนว่า...ใครจะเชื่อ ไม่เชื่อ จะหาว่าผมโข้มี้!!! ก็สุดแล้วแต่ เพราะของอย่างนี้ ห้ามความคิดกันไม่ได้ครับ

    แต่ที่แน่ๆ สาย High Performance ของ Transparent เส้นนี้

    มันช่วยเปิดประสบการณ์ให้ตัวผมได้เข้าใจแบบไม่ต้องไปฟังลมปากจากคนอื่นอีกแล้วว่า...

    สาย HDMI ดีๆ มีผลต่อคุณภาพของภาพอย่างมากจริงๆ ครับ (ส่วนเรื่องเสียงยังไม่รู้เพราะยังไม่ลองจ้า)

    สุดท้ายและท้ายที่สุด...ก็ขอขอบคุณทุกๆ ท่านที่พยายามอ่านจนจบ

    ยังไงก็ขอให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกคนมีความสุขกับอุปกรณ์ของตัวเอง ขอให้ฟังเพลงเพราะๆ ดูหนังสนุกๆ กันทุกท่านน่ะครับ


    The End
    Last edited by maxxx77; 8 Feb 2012, 13:17:10. Reason: แก้คำให้สมบูรณ์

  • #2
    เรื่องสายผมไม่รุ้

    แต่เสียงจาก GTX460 เน่าบรม (pcm stereo)

    Comment


    • #3
      ขอบคุณครับ เพิ่งได้ LG 42" Full HD มาเหมือนกัน คงต้องหาซักเส้น

      Comment


      • #4
        อ่านแว้วววว ละเอียดทุกช็อตการรีวิวเลยครับ สุดยอดมากครับ
        สงสัยอย่างนึง จอเล็กๆที่เปิดหน้าปกเพลงใช้โปรแกรมอะไรครับ

        Comment


        • #5
          ไม่น่าเชื่อว่าสายจะมีผลขนาดนี้เก็บความรู้อิอิ

          Comment


          • #6
            ขอบคุณรีวิวดีๆรูปสวยๆครับ ความรู้ทั้งนั้นเลยครับ จดๆๆๆ

            Comment


            • #7
              Originally posted by TroRuwA View Post
              อ่านแว้วววว ละเอียดทุกช็อตการรีวิวเลยครับ สุดยอดมากครับ
              สงสัยอย่างนึง จอเล็กๆที่เปิดหน้าปกเพลงใช้โปรแกรมอะไรครับ
              ขอบคุณสำหรับคำติชมครับ

              โปรแกรมที่เห็นอยู่นั้น เป็นโปรแกรม JRMC หรือ J river ครับ

              ขอบอกว่า...พี่เลิกฟัง Foobar ตั้งแต่มาเจอโปรแกรมนี้ครับ

              Comment


              • #8
                Originally posted by Sniperz View Post
                ขอบคุณครับ เพิ่งได้ LG 42" Full HD มาเหมือนกัน คงต้องหาซักเส้น
                เท่าที่สัมผัสด้วยตาตัวเอง สายยี่ห้อนี้ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอนครับ

                ถ้างบไม่สูงมาก จะเล่นรุ่น Performance ก็ได้ครับ ราคาหลักพันกลางๆ

                แต่ถ้ามีวบขึ้นมาอีกหน่อย จัดรุ่นนี้ได้เลยครับ ภาพของจริงแหล่มกว่ารูปที่นำมาให้ดูจริงๆ ส่วนเรื่องเสียงยังไม่รู้เพราะยังไม่ได้เทสครับ


                Originally posted by osk115 View Post
                ขอบคุณรีวิวดีๆรูปสวยๆครับ ความรู้ทั้งนั้นเลยครับ จดๆๆๆ
                ยินดีครับ แค่อยากแบ่งปันประสบการณ์ดีๆ ให้เพื่อนๆ ฟังกันครับ

                Comment


                • #9
                  เสียงจาก460 ไม่ดีหรอผมว่ามันก็ดีนะ แต่ผมเอามาต่อกับ AVR นะ

                  Comment


                  • #10
                    Originally posted by battlecruiser View Post
                    เรื่องสายผมไม่รุ้

                    แต่เสียงจาก GTX460 เน่าบรม (pcm stereo)
                    460 มันได้ทั้ง TrueHD กับDTS เลยนะDolby ผมว่าเสียงมันดีกว่าX-fi titanium อีกนะ เพราะมีทั้ง2อย่างเลยรู้

                    Comment


                    • #11
                      เห็นชื่อทู้ นึกเห็นหนทางรวย ตั้งโต๊ะขาย"มาม่า"ทันที

                      ..... มาม่าร้อนๆ มาแล้วจ้า .....

                      Comment


                      • #12
                        Originally posted by maxxx77 View Post
                        ขอบคุณสำหรับคำติชมครับ

                        โปรแกรมที่เห็นอยู่นั้น เป็นโปรแกรม JRMC หรือ J river ครับ

                        ขอบอกว่า...พี่เลิกฟัง Foobar ตั้งแต่มาเจอโปรแกรมนี้ครับ
                        ได้ยินมาหลายครั้งเหมือนกันครับ โหลดมาสองอาทิตย์แล้ว ยังไม่ได้ลงมือลองเลยครับ
                        พี่บอกผมถึงนึกได้ว่าโหลดมา ขอลองก่อน อิอิ

                        Comment


                        • #13
                          Originally posted by keang View Post
                          เห็นชื่อทู้ นึกเห็นหนทางรวย ตั้งโต๊ะขาย"มาม่า"ทันที

                          ..... มาม่าร้อนๆ มาแล้วจ้า .....
                          ตั้งแต่น้ำท่วมไป....มาม่า...หายากหน่อยครับพี่...555+

                          Comment


                          • #14
                            ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ ได้ความรู้เพิ่มขึ้นมาอีกแถมอันนี้ถ่ายรูปมาเทียบให้ดูกันชัดๆไปเลยด้วย ^^

                            Comment


                            • #15
                              ขอบคุณครับ ดูท่าจะทำนานน่าดู

                              ....

                              หอมกลิ่นหมูสับ

                              Comment

                              Working...
                              X