...
เกริ่นนำ...
หลังจากที่ตัวผมล้างราจากการเขียนบทความมานาน (เพราะงานเข้าอย่างต่อเนื่อง)
พอเริ่มจะมีเวลา - อารมณ์ - และเพิ่งได้ของเล่นใหม่ (คือ...จอ LED Cinema TV ขนาด 58" ของ Phillips 58PFL5599H)
ผมก็เลยอยากเอาเรื่องราวที่ตัวผมได้ประสบพบเจอเกี่ยวกับสาย HDMI มาเล่าให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่กำลังสนใจได้ฟังกันสักนิด
ซึ่งบทความในครั้งนี้...ผมจะมุ่งประเด็นไปที่เรื่องความแตกต่างของคุณภาพของภาพแต่เพียงอย่างเดียว
เพราะเรื่องภาพจะเป็นอะไรที่สังเกตุง่าย และดูเป็นรูปธรรมมากกว่าเรื่องเสียง (ประมาณว่า...นั่งเปิดเวปดูรูปอยู่ที่บ้าน ก็เห็นความแตกต่างแล้ว)
ส่วนเรื่องเสียง...ก็คงต้องรอเวลาเบิร์นสายให้เข้าที่มากกว่านี้อีกสักนิด
เพราะพอได้สายมาปุ๊บ!!! ผมกับจับมันมาทำการทดสอบกับสาย No Name ที่ผมยืมรุ่นน้องมาใช้ก่อนหน้านี้ในทันที
และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ผมก็ขอเข้าเรื่องเลยแล้วกัน...
สำหรับสายที่ผมนำมาทดสอบในครั้งนี้จะเป็นสาย HDMI เวอร์ชั่น 1.4 ทั้ง 2 เส้น
สำหรับสายเส้นแรก...จะเป็นสาย No Name ความยาว 2 เมตรที่วางขายตามตลาด IT ทั่วไป ซึ่งดูจากสภาพการภายนอกแล้ว ราคาคงไม่น่าจะถึงหลักพัน
ส่วนสายเส้นที่สอง...จะเป็นสายของ Transparent รุ่น High Performance ความยาว 2 เมตร ส่วนราคาก็ High พอใช้ได้เลยครับ
ถ้าใครอยากดูรายละเอียดของสาย HDMI รุ่นนี้ ก็เข้าไปดูในเวปของ Tran. ได้เลยครับ
http://www.transparentcable.com/prod...tID=3&modCAT=1
- แม้สเปคบนกล่องจะเขียนว่า HDMI1.3 แต่จริงๆ แล้วพี่ Tran. แกทำมา Support 1.4 มาตั้งแต่แรกแล้ว
- สายสีดำด้านล่างคือสาย No Name
- สายสีฟ้าด้านบนคือสาย High Performance ของ Transparent
เข้าสู่โหมดทดสอบ...
- อุปกรณ์ที่ใช้ในการทดสอบ
Source หลักที่ผมใช้ในการทดสอบครั้งนี้ จะเป็นเครื่อง Graphic Work Station ของ Dell รุ่น Precision T3500
ซึ่งใช้ Intel Xeon Quad Core > RAM 4 GB > Geforce 9800GTX > WIN7 64 Bit
โดยผมจะเสียบสาย HDMI แบบต่อตรงจาก Display Card (Geforce 9800GTX+) เข้าจอ Phillips LED TV (ไม่ได้ผ่าน AVR)
ซึ่งโปรแกรมเล่นไฟล์ Hi-def ที่ผมใช้ก็จะเป็นโปรแกรม PotPlayer 64bit ซึ่งใช้ LAVFilters-0.45 เป็นตัว Decode โดยเลือก CUDA เป็นตัว Render
ส่วนไฟล์ Hi-def ที่ผมนำมาใช้ทดสอบในครั้งนี้จะเป็นไฟล์ที่มีความละเอียดระดับ 1080p และ Full Rip ทั้งหมด ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 5 ไฟล์ (จริงๆ มีมากกว่านั้น)
นอกจากนั้น...ห้องที่ผมใช้ในการทดสอบ (ซึ่งก็คือ...ห้องทำงานของผมเอง) ถือเป็นห้องที่ควบคุมแสงจากภายนอกและภายในได้
และเพื่อไม่ให้แสงไฟหรือแสงอาทิตย์จากภายนอกอาคารมารบกวนในระหว่างที่ทำการทดสอบ
ผมจึงเลือกที่จะทดสอบสาย HDMI ในตอนกลางคืนซึ่งเป็นช่วงที่ไม่มีคนอยู่ โดยผมจะปิดผ้าม่านและปิดไฟเกือบทุกดวงในห้อง
จะเหลือก็แต่เพียงไฟ Dim Light จากแสงของหลอดฮาโลเจน 1 ดวงซึ่งเปิดหรี่มากๆ เท่านั้น (แต่ภาพห้องที่นำมาให้ดู จะเป็นตอนที่ยังไม่ปิดไฟครับ)
- อุปกรณ์ที่ใช้ในการบันทึกภาพ
สำหรับกล้องถ่ายรูปที่ผมใช้ถ่ายรูปในครั้งนี้ จะเป็นกล้อง Canon EOS 7D + Len 24-70mm โดยผมจะใช้ขาตั้งกล้องของ Benro ซึ่งขอบอกว่าหนึบมาก
จากนั้น...ผมก็จะเซ็ตตำแหน่งกล้องให้คงที่ และตั้งค่ากล้องในแต่ละช็อตตรงกันทุกค่า (คือ...ในช็อตเดียวกันค่าจะตรงกันทุกค่า) ไม่ว่าจะเป็น...
ความยาวโฟกัส , ค่าISO , White Balance , Exposure time หรือ Shutter Speed (ซึ่งก็คือความเร็วชัตเตอร์) , fStop (ความกว้างของรูรับแสง)
เพื่อป้องกันไม่ให้ผลการทดสอบมีความคลาดเคลื่อนอันเนื่องมาจากการตั้งค่าไม่ตรงกัน
ซึ่งภาพทั้งหมดที่ผมนำมาให้ดู จะมีภาพเพียงแค่เซ็ตเดียวเท่านั้น (คือภาพเซ็ตที่ 5 จากทั้งหมด 9 เซ็ต)
ที่ผมเผลอตั้งค่า Exposure time หรือความเร็วชัตเตอร์ต่างกันเล็กน้อย นอกนั้น...ขอยืนยันว่าเหมือนกันทุกประการ จะต่างก็แค่เรื่องสาย HDMI
ส่วนว่า...ภาพที่เกิดจากสาย HDMI ทั้ง 2 สายในแต่ละเซ็ต จะมีความแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน!!!
ก็ขอเชิญเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกท่านตัดสินด้วยตาของคุณเองเลยครับ
เพราะผมเชื่อว่า...หนึ่งล้านคำพูด!!! ฤาจะสู้การบอกเล่าด้วยภาพเพียงภาพเดียว (นี่เอามาให้ดูตั้ง 18 ภาพ)
หมายเหตุ : เนื่องจากภาพที่โพสท์ในเวปบอร์ดจำเป็นต้องใช้ภาพขนาดเล็กซึ่งถูกบีบอัดมาจนเกือบเละ
ดังนั้น...ความแตกต่างระหว่างภาพที่ใช้สาย HDMI ทั้ง 2 เส้นจึงอาจจะสังเกตุได้ยากถ้าหากดูภาพจากเวปบอร์ด
ถ้าท่านใด!!! อยากเห็นความแตกต่างของภาพแบบง่ายๆ และชัดเจนกว่าในเวป แนะนำให้ Download ลิงค์ภาพขนาดใหญ่ที่ผมแปะเอาไว้เหนือภาพครับ
โหลดมาแล้ว...ค่อยเปิดเทียบความแตกต่างของภาพด้วยโปรแกรมดูภาพอย่าง ACDsee หรือ Picasa แบบช็อตต่อช็อตเลย
***ช็อตที่ 1***(00 Avatar) สังเกตุสีผิว , แสงเงาบริเวณเส้นผม , Noise และสีบริเวณฉากหลังของภาพ
- สาย No Name http://img441.imageshack.us/img441/1...arnoname01.jpg
- สาย Transparent http://img267.imageshack.us/img267/8...atartran01.jpg
- ค่าการตั้งกล้อง
***ช็อตที่ 2***(11 Avatar) สังเกตุสีและแสงเงาบริเวณแก้ม , บริเวณใต้คาง , Noise และสีบริเวณฉากหลังของภาพ
- สาย No Name http://img85.imageshack.us/img85/904...arnoname01.jpg
- สาย Transparent http://img513.imageshack.us/img513/8...atartran02.jpg
- ค่าการตั้งกล้อง
***ช็อตที่ 3***(22 Avatar) สังเกตุสีผิว , แสงเงาใต้คาง , Noise และสีบริเวณฉากหลังของภาพให้ดี
- สาย No Name http://img403.imageshack.us/img403/2...arnoname02.jpg
- สาย Transparent http://img404.imageshack.us/img404/7...atartran02.jpg
- ค่าการตั้งกล้อง
***ช็อตที่ 4***(33 Transformers 3) สังเกตุแสงเงาบริเวณเส้นผม , Noise และการไล่โทนสีบริเวณผิวหน้าของนางเอกให้ดี
- สาย No Name http://img196.imageshack.us/img196/3...r3noname01.jpg
- สาย Transparent http://img829.imageshack.us/img829/7...mer3tran01.jpg
- ค่าการตั้งกล้อง
***ช็อตที่ 5***(44 Transformers 3) สังเกตุ Noise บริเวณผิวหน้า , มือและเสื้อผ้าของตัวละคร รวมถึงแสงเงาที่เส้นผมของนางเอก
หมายเหตุ:ในช็อตนี้ผมเผลอตั้งค่า Exposure time ต่างกันเล็กน้อย
- สาย No Name http://img864.imageshack.us/img864/9...r3noname02.jpg
- สาย Transparent http://img718.imageshack.us/img718/4...mer3tran02.jpg
- ค่าการตั้งกล้อง
***ช็อตที่ 6***(55 Hitman) สังเกตุรัศมีแสงไฟของสบอร์ตไลท์ด้านซ้าย , contrast บริเวณหัวคนดู รวมถึงแสงเงาในที่มีแสงน้อย
หมายเหตุ:ในช็อตนี้ เฟรมภาพจะต่างกันประมาณ 1 วินาที
- สาย No Name http://img705.imageshack.us/img705/4...annoname01.jpg
- สาย Transparent http://img339.imageshack.us/img339/8...tmantran01.jpg
- ค่าการตั้งกล้อง
***ช็อตที่ 7***(66 Real Steel 01) สังเกตุสีของหมวก , แสงเงาที่ใบหน้ารวมถึง Noise และสีของฉากหลัง
- สาย No Name http://img28.imageshack.us/img28/444...elnoname01.jpg
- สาย Transparent http://img822.imageshack.us/img822/3...teeltran01.jpg
- ค่าการตั้งกล้อง
***ช็อตที่ 8***(77 Real Steel 02) สังเกตุแสงเงาที่ลูกนัยตา รวมถึงการไล่โทนสีและ Noise บริเวณฉากหลังของภาพให้ดี
- สาย No Name http://img837.imageshack.us/img837/8...elnoname02.jpg
- สาย Transparent http://img441.imageshack.us/img441/3...teeltran02.jpg
- ค่าการตั้งกล้อง
***ช็อตที่ 9***(88 Car) สังเกตุแสงเงาบนถนน , รัศมีของแสงไฟ , รีเฟลคสีแดงชมพูของรถคันสีฟ้า
- สาย No Name http://img141.imageshack.us/img141/8...arnoname01.jpg
- สาย Transparent http://img13.imageshack.us/img13/5484/88cartran01.jpg
- ค่าการตั้งกล้อง
สรุปผลการทดสอบ...
จากภาพทั้งหมดที่ผมนำมาให้ดู จะเห็นได้ว่าสาย High Performance ของ Transparent สามารถขุดเอารายละเอียดของภาพออกมาได้อย่างดีเยี่ยม
ภาพดูมีมิติและมีความชัดเจนเป็นอย่างมาก ระยะชัดตื้น-ชัดลึก รวมถึง Detail ในบางจุดที่เคยดูคลุมเคลือเมื่อใช้กับสาย HDMI ทั่วไป
แต่เมื่อเปิดดูกับสาย High Performance ของ Transparent สายเส้นนี้กลับช่วยทลายเมฆหมอกและเผยให้เห็น Detail ที่แท้จริงของภาพ
โดยเฉพาะในจุดที่เป็นมุมมืด หรือจุดที่มีค่า Brightness/Contrast แตกต่างกันค่อนข้างสูง
นอกจากนั้น...สายสีฟ้าเส้นนี้ยังทำให้เนื้อสีดูอิ่ม สีสันที่ปรากฏในภาพแลดูมีน้ำมีนวลกว่าตอนที่ใช้สาย No Name ค่อนข้างมาก
โดยสีแต่ละสีจะมีความเป็นธรรมชาติและให้ค่าสีได้อย่างตรงไปตรงมา
คือ...ไม่ซีดจนเซ็ง แล้วก็ไม่สดจัดจนเวอร์หรือเกินพอดี (ถ้าใครที่เรียนจบทางด้านอาร์ตมา น่าจะเข้าใจเรื่องความถูกต้องของสีได้ไม่ยาก)
การเกลี่ยสีหรือการไล่โทนสีก็ทำออกมาได้ดีและเนียนตา จะเห็นได้ว่า Gain สีของฉากบางฉากที่เคยแตกเป็นเม็ดพิกเซลหยาบๆ
จะแลดูกลมกลืนและมีความต่อเนื่องเชื่อมโยงกันมากขึ้น ซึ่งก็เป็นผลทำให้องค์รวมของภาพแลดูนุ่มนวลสบายตา และดูมีความแตกต่างจากสาย No Name โดยสิ้นเชิง
ถึงแม้ภาพจะออกมาดูนุ่มนวลสบายตา แต่มันก็ยังคงไว้ซึ่งความคมชัดของภาพในระดับ High-definition
หรือพูดง่ายๆ ว่ามิติของภาพดูเนียนตา แต่ภาพยังคมกริบ!!! ไม่ติดอาการเบลอใดๆ ทั้งสิ้น
ยิ่งไฟล์ไหนที่บันทึกภาพมาดีๆ และมีความคมชัดมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกอยู่แล้ว (เช่น...Real Steel)
มิติและรายละเอียดของสีสันต่างๆ จะโดดเด้งออกมาให้เราได้สัมผัสและจับต้องด้วยตาเปล่าแบบง่ายๆ และไม่ต้องเพ่งจ้องเลยทีเดียว
และที่สำคัญมากๆ อีกจุดหนึ่งก็คือ...สัญญาณขยะปนเปื้อน หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า Noise
เจ้าสาย High Performance ของ Transparent ก็สามารถขจัด Noise ออกไปได้ชนิดที่เรียกว่า...เอาอยู่!!!
แม้บางเรื่องจะขจัด Noise ออกไปได้ไม่ถึงกับหมดเกลี้ยง แต่มันก็ทำให้ Noise ที่ติดมาจากการบันทึกภาพของภาพยนต์เรื่องนั้นๆ จางหายไปได้เยอะ
เรียกได้ว่า...ไม่ทำให้เป็นที่รกตา รกใจเหมือนตอนที่ใช้กับสายตลาดทั่วไป
สำหรับในจุดนี้...ภาพยนต์เรื่อง Transformers 3 น่าจะเห็นได้ชัดเจนกว่าภาพยนต์เรื่องอื่นๆ
เพราะเรื่องนี้แทบทุกภาค Noise โคตะระเยอะ (ไม่ว่าจะเล่นจากแผ่น Blu-ray Masters แบบ Limited Edition หรือเล่นจากไฟล์ Full Rip ก็เจอ Noise หมด)
ส่วนเรื่องความดำสนิทของสีดำที่หลายๆ ท่านเจอปัญหา เรื่องนี้ผมไม่ค่อยเห็นผลของความแตกต่างเท่าไหร่นัก แม้จะใช้กับสาย HDMI ธรรมดาก็ตาม
เพราะจอทีวีที่ผมใช้อยู่จะเป็นจอแบบ Full LED (คือ...จอที่มีหลอด LED เต็มแผงหลังกว่าพันหลอด)
และมีระบบ Local Dimming (คือ...ระบบจอที่สามารถเปิดปิดหลอด LED เฉพาะจุดที่เป็นสีดำเพื่อให้เกิดภาพที่ดำสนิท)
ดังนั้น...เรื่องความดำสนิทของฉากที่เป็นสีดำจึงไม่มีปัญหาสำหรับผม แต่ส่วนที่เห็นผลต่างมากๆ ในเรื่องของสีดำก็คือ...รายละเอียดที่ซ่อนอยู่ในเงาดำ
ซึ่งสาย High Performance ของ Transparent สามารถขุดเอารายละเอียดในส่วนนี้ออกมาให้ผมได้เห็นโดยไม่ต้องเพ่งจ้องอะไรเลย
นอกจากสายเส้นนี้จะมีดีเรื่องของการแสดงผลทางด้านมิติของสี , การไล่โทนสี และรายละเอียดของภาพแล้ว
เท่าที่ผมสังเกตุเห็นการเปลี่ยนแปลงอีกจุดหนึ่ง (แต่ไม่สามารถถ่ายรูปเอามาให้ดูได้) นั่นก็คือเรื่องความลื่นไหลในการเล่นไฟล์ที่เปิดจากเครื่องคอมพิวเตอร์
เพราะก่อนหน้าที่ผมจะได้สาย High Performance ของ Transparent มาใช้ เวลาผมเล่นไฟล์ Hi-def จากเครื่องคอมพิวเตอร์
ภาพจะมีอาการกระตุกหรือสะดุด (โดยเฉพาะฉากที่มีการแพนกล้องไวๆ) ให้เป็นที่รำคาญใจอยู่บ้างเล็กน้อย
จนทำให้ก่อนหน้านี้...ผมมีความคิดที่จะหาอุปกรณ์จำพวก HD-Player มาใช้
แต่พอวันที่ผมทำการทดสอบสาย HDMI สีฟ้าเส้นนี้ รวมถึงวันที่ผมเขียนบทความ อาการกระตุกมันกลับลดน้อยลงไปจนเกือบจะไม่มีให้เห็นเลย
บางฉากที่เคยมีอาการกระตุกมาก (จริงๆ ก็ไม่ถึงกับมากหรอก) ก็ลดน้อยลงในระดับที่รับได้
บางฉากที่เคยกระตุกน้อยๆ ก็กลับกลายเป็นลื่นไหลไม่มีอาการสะดุดกึกๆ กักๆ ให้รำคาญตา
จุดนี้เอง...ที่ทำให้ผมประจักษ์ด้วยสายตาตัวเองแล้วว่า สาย HDMI ที่มีคุณภาพดีๆ มันให้ผลได้มากกว่าที่ตัวผมเคยคาดคิดเอาไว้
เสียดายที่ผมยังไม่ได้ฟังเสียงที่เชื่อมต่อจากสายเส้นนี้ เพราะตอนนี้อุปกรณ์บางตัวยังไม่พร้อมเท่าไหร่นัก
เอาไว้โอกาสหน้า ถ้ามีเวลา - อารมณ์ และมีอุปกรณ์เชื่อมต่อต่างๆ ที่สมบูรณ์กว่าในตอนนี้ แล้วผมจะกลับมาโม้เรื่องเสียงให้ฟังอีกครั้งครับ
บทสรุปส่งท้าย...
จากที่ผมกล่าวมาทั้งหมด!!! ผมอยากจะบอกให้ทุกๆ ท่านที่กำลังอ่านบทความของผมได้รับรู้ว่า...
ผมไม่ได้มีเจตนาอื่นใดแอบแฝงเลยนอกเหนือไปจาก...ผมอยากจะนำเรื่องราวที่ตัวเองประสบพบเจอกับของดีๆ สิ่งดีๆ มาเล่าสู่กันฟังแบบพี่ๆ น้องๆ
ส่วนว่า...ใครจะเชื่อ ไม่เชื่อ จะหาว่าผมโข้มี้!!! ก็สุดแล้วแต่ เพราะของอย่างนี้ ห้ามความคิดกันไม่ได้ครับ
แต่ที่แน่ๆ สาย High Performance ของ Transparent เส้นนี้
มันช่วยเปิดประสบการณ์ให้ตัวผมได้เข้าใจแบบไม่ต้องไปฟังลมปากจากคนอื่นอีกแล้วว่า...
สาย HDMI ดีๆ มีผลต่อคุณภาพของภาพอย่างมากจริงๆ ครับ (ส่วนเรื่องเสียงยังไม่รู้เพราะยังไม่ลองจ้า)
สุดท้ายและท้ายที่สุด...ก็ขอขอบคุณทุกๆ ท่านที่พยายามอ่านจนจบ
ยังไงก็ขอให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกคนมีความสุขกับอุปกรณ์ของตัวเอง ขอให้ฟังเพลงเพราะๆ ดูหนังสนุกๆ กันทุกท่านน่ะครับ
The End
เกริ่นนำ...
หลังจากที่ตัวผมล้างราจากการเขียนบทความมานาน (เพราะงานเข้าอย่างต่อเนื่อง)
พอเริ่มจะมีเวลา - อารมณ์ - และเพิ่งได้ของเล่นใหม่ (คือ...จอ LED Cinema TV ขนาด 58" ของ Phillips 58PFL5599H)
ผมก็เลยอยากเอาเรื่องราวที่ตัวผมได้ประสบพบเจอเกี่ยวกับสาย HDMI มาเล่าให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่กำลังสนใจได้ฟังกันสักนิด
ซึ่งบทความในครั้งนี้...ผมจะมุ่งประเด็นไปที่เรื่องความแตกต่างของคุณภาพของภาพแต่เพียงอย่างเดียว
เพราะเรื่องภาพจะเป็นอะไรที่สังเกตุง่าย และดูเป็นรูปธรรมมากกว่าเรื่องเสียง (ประมาณว่า...นั่งเปิดเวปดูรูปอยู่ที่บ้าน ก็เห็นความแตกต่างแล้ว)
ส่วนเรื่องเสียง...ก็คงต้องรอเวลาเบิร์นสายให้เข้าที่มากกว่านี้อีกสักนิด
เพราะพอได้สายมาปุ๊บ!!! ผมกับจับมันมาทำการทดสอบกับสาย No Name ที่ผมยืมรุ่นน้องมาใช้ก่อนหน้านี้ในทันที
และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ผมก็ขอเข้าเรื่องเลยแล้วกัน...
สำหรับสายที่ผมนำมาทดสอบในครั้งนี้จะเป็นสาย HDMI เวอร์ชั่น 1.4 ทั้ง 2 เส้น
สำหรับสายเส้นแรก...จะเป็นสาย No Name ความยาว 2 เมตรที่วางขายตามตลาด IT ทั่วไป ซึ่งดูจากสภาพการภายนอกแล้ว ราคาคงไม่น่าจะถึงหลักพัน
ส่วนสายเส้นที่สอง...จะเป็นสายของ Transparent รุ่น High Performance ความยาว 2 เมตร ส่วนราคาก็ High พอใช้ได้เลยครับ
ถ้าใครอยากดูรายละเอียดของสาย HDMI รุ่นนี้ ก็เข้าไปดูในเวปของ Tran. ได้เลยครับ
http://www.transparentcable.com/prod...tID=3&modCAT=1
- แม้สเปคบนกล่องจะเขียนว่า HDMI1.3 แต่จริงๆ แล้วพี่ Tran. แกทำมา Support 1.4 มาตั้งแต่แรกแล้ว
- สายสีดำด้านล่างคือสาย No Name
- สายสีฟ้าด้านบนคือสาย High Performance ของ Transparent
เข้าสู่โหมดทดสอบ...
- อุปกรณ์ที่ใช้ในการทดสอบ
Source หลักที่ผมใช้ในการทดสอบครั้งนี้ จะเป็นเครื่อง Graphic Work Station ของ Dell รุ่น Precision T3500
ซึ่งใช้ Intel Xeon Quad Core > RAM 4 GB > Geforce 9800GTX > WIN7 64 Bit
โดยผมจะเสียบสาย HDMI แบบต่อตรงจาก Display Card (Geforce 9800GTX+) เข้าจอ Phillips LED TV (ไม่ได้ผ่าน AVR)
ซึ่งโปรแกรมเล่นไฟล์ Hi-def ที่ผมใช้ก็จะเป็นโปรแกรม PotPlayer 64bit ซึ่งใช้ LAVFilters-0.45 เป็นตัว Decode โดยเลือก CUDA เป็นตัว Render
ส่วนไฟล์ Hi-def ที่ผมนำมาใช้ทดสอบในครั้งนี้จะเป็นไฟล์ที่มีความละเอียดระดับ 1080p และ Full Rip ทั้งหมด ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 5 ไฟล์ (จริงๆ มีมากกว่านั้น)
นอกจากนั้น...ห้องที่ผมใช้ในการทดสอบ (ซึ่งก็คือ...ห้องทำงานของผมเอง) ถือเป็นห้องที่ควบคุมแสงจากภายนอกและภายในได้
และเพื่อไม่ให้แสงไฟหรือแสงอาทิตย์จากภายนอกอาคารมารบกวนในระหว่างที่ทำการทดสอบ
ผมจึงเลือกที่จะทดสอบสาย HDMI ในตอนกลางคืนซึ่งเป็นช่วงที่ไม่มีคนอยู่ โดยผมจะปิดผ้าม่านและปิดไฟเกือบทุกดวงในห้อง
จะเหลือก็แต่เพียงไฟ Dim Light จากแสงของหลอดฮาโลเจน 1 ดวงซึ่งเปิดหรี่มากๆ เท่านั้น (แต่ภาพห้องที่นำมาให้ดู จะเป็นตอนที่ยังไม่ปิดไฟครับ)
- อุปกรณ์ที่ใช้ในการบันทึกภาพ
สำหรับกล้องถ่ายรูปที่ผมใช้ถ่ายรูปในครั้งนี้ จะเป็นกล้อง Canon EOS 7D + Len 24-70mm โดยผมจะใช้ขาตั้งกล้องของ Benro ซึ่งขอบอกว่าหนึบมาก
จากนั้น...ผมก็จะเซ็ตตำแหน่งกล้องให้คงที่ และตั้งค่ากล้องในแต่ละช็อตตรงกันทุกค่า (คือ...ในช็อตเดียวกันค่าจะตรงกันทุกค่า) ไม่ว่าจะเป็น...
ความยาวโฟกัส , ค่าISO , White Balance , Exposure time หรือ Shutter Speed (ซึ่งก็คือความเร็วชัตเตอร์) , fStop (ความกว้างของรูรับแสง)
เพื่อป้องกันไม่ให้ผลการทดสอบมีความคลาดเคลื่อนอันเนื่องมาจากการตั้งค่าไม่ตรงกัน
ซึ่งภาพทั้งหมดที่ผมนำมาให้ดู จะมีภาพเพียงแค่เซ็ตเดียวเท่านั้น (คือภาพเซ็ตที่ 5 จากทั้งหมด 9 เซ็ต)
ที่ผมเผลอตั้งค่า Exposure time หรือความเร็วชัตเตอร์ต่างกันเล็กน้อย นอกนั้น...ขอยืนยันว่าเหมือนกันทุกประการ จะต่างก็แค่เรื่องสาย HDMI
ส่วนว่า...ภาพที่เกิดจากสาย HDMI ทั้ง 2 สายในแต่ละเซ็ต จะมีความแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน!!!
ก็ขอเชิญเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกท่านตัดสินด้วยตาของคุณเองเลยครับ
เพราะผมเชื่อว่า...หนึ่งล้านคำพูด!!! ฤาจะสู้การบอกเล่าด้วยภาพเพียงภาพเดียว (นี่เอามาให้ดูตั้ง 18 ภาพ)
หมายเหตุ : เนื่องจากภาพที่โพสท์ในเวปบอร์ดจำเป็นต้องใช้ภาพขนาดเล็กซึ่งถูกบีบอัดมาจนเกือบเละ
ดังนั้น...ความแตกต่างระหว่างภาพที่ใช้สาย HDMI ทั้ง 2 เส้นจึงอาจจะสังเกตุได้ยากถ้าหากดูภาพจากเวปบอร์ด
ถ้าท่านใด!!! อยากเห็นความแตกต่างของภาพแบบง่ายๆ และชัดเจนกว่าในเวป แนะนำให้ Download ลิงค์ภาพขนาดใหญ่ที่ผมแปะเอาไว้เหนือภาพครับ
โหลดมาแล้ว...ค่อยเปิดเทียบความแตกต่างของภาพด้วยโปรแกรมดูภาพอย่าง ACDsee หรือ Picasa แบบช็อตต่อช็อตเลย
***ช็อตที่ 1***(00 Avatar) สังเกตุสีผิว , แสงเงาบริเวณเส้นผม , Noise และสีบริเวณฉากหลังของภาพ
- สาย No Name http://img441.imageshack.us/img441/1...arnoname01.jpg
- สาย Transparent http://img267.imageshack.us/img267/8...atartran01.jpg
- ค่าการตั้งกล้อง
***ช็อตที่ 2***(11 Avatar) สังเกตุสีและแสงเงาบริเวณแก้ม , บริเวณใต้คาง , Noise และสีบริเวณฉากหลังของภาพ
- สาย No Name http://img85.imageshack.us/img85/904...arnoname01.jpg
- สาย Transparent http://img513.imageshack.us/img513/8...atartran02.jpg
- ค่าการตั้งกล้อง
***ช็อตที่ 3***(22 Avatar) สังเกตุสีผิว , แสงเงาใต้คาง , Noise และสีบริเวณฉากหลังของภาพให้ดี
- สาย No Name http://img403.imageshack.us/img403/2...arnoname02.jpg
- สาย Transparent http://img404.imageshack.us/img404/7...atartran02.jpg
- ค่าการตั้งกล้อง
***ช็อตที่ 4***(33 Transformers 3) สังเกตุแสงเงาบริเวณเส้นผม , Noise และการไล่โทนสีบริเวณผิวหน้าของนางเอกให้ดี
- สาย No Name http://img196.imageshack.us/img196/3...r3noname01.jpg
- สาย Transparent http://img829.imageshack.us/img829/7...mer3tran01.jpg
- ค่าการตั้งกล้อง
***ช็อตที่ 5***(44 Transformers 3) สังเกตุ Noise บริเวณผิวหน้า , มือและเสื้อผ้าของตัวละคร รวมถึงแสงเงาที่เส้นผมของนางเอก
หมายเหตุ:ในช็อตนี้ผมเผลอตั้งค่า Exposure time ต่างกันเล็กน้อย
- สาย No Name http://img864.imageshack.us/img864/9...r3noname02.jpg
- สาย Transparent http://img718.imageshack.us/img718/4...mer3tran02.jpg
- ค่าการตั้งกล้อง
***ช็อตที่ 6***(55 Hitman) สังเกตุรัศมีแสงไฟของสบอร์ตไลท์ด้านซ้าย , contrast บริเวณหัวคนดู รวมถึงแสงเงาในที่มีแสงน้อย
หมายเหตุ:ในช็อตนี้ เฟรมภาพจะต่างกันประมาณ 1 วินาที
- สาย No Name http://img705.imageshack.us/img705/4...annoname01.jpg
- สาย Transparent http://img339.imageshack.us/img339/8...tmantran01.jpg
- ค่าการตั้งกล้อง
***ช็อตที่ 7***(66 Real Steel 01) สังเกตุสีของหมวก , แสงเงาที่ใบหน้ารวมถึง Noise และสีของฉากหลัง
- สาย No Name http://img28.imageshack.us/img28/444...elnoname01.jpg
- สาย Transparent http://img822.imageshack.us/img822/3...teeltran01.jpg
- ค่าการตั้งกล้อง
***ช็อตที่ 8***(77 Real Steel 02) สังเกตุแสงเงาที่ลูกนัยตา รวมถึงการไล่โทนสีและ Noise บริเวณฉากหลังของภาพให้ดี
- สาย No Name http://img837.imageshack.us/img837/8...elnoname02.jpg
- สาย Transparent http://img441.imageshack.us/img441/3...teeltran02.jpg
- ค่าการตั้งกล้อง
***ช็อตที่ 9***(88 Car) สังเกตุแสงเงาบนถนน , รัศมีของแสงไฟ , รีเฟลคสีแดงชมพูของรถคันสีฟ้า
- สาย No Name http://img141.imageshack.us/img141/8...arnoname01.jpg
- สาย Transparent http://img13.imageshack.us/img13/5484/88cartran01.jpg
- ค่าการตั้งกล้อง
สรุปผลการทดสอบ...
จากภาพทั้งหมดที่ผมนำมาให้ดู จะเห็นได้ว่าสาย High Performance ของ Transparent สามารถขุดเอารายละเอียดของภาพออกมาได้อย่างดีเยี่ยม
ภาพดูมีมิติและมีความชัดเจนเป็นอย่างมาก ระยะชัดตื้น-ชัดลึก รวมถึง Detail ในบางจุดที่เคยดูคลุมเคลือเมื่อใช้กับสาย HDMI ทั่วไป
แต่เมื่อเปิดดูกับสาย High Performance ของ Transparent สายเส้นนี้กลับช่วยทลายเมฆหมอกและเผยให้เห็น Detail ที่แท้จริงของภาพ
โดยเฉพาะในจุดที่เป็นมุมมืด หรือจุดที่มีค่า Brightness/Contrast แตกต่างกันค่อนข้างสูง
นอกจากนั้น...สายสีฟ้าเส้นนี้ยังทำให้เนื้อสีดูอิ่ม สีสันที่ปรากฏในภาพแลดูมีน้ำมีนวลกว่าตอนที่ใช้สาย No Name ค่อนข้างมาก
โดยสีแต่ละสีจะมีความเป็นธรรมชาติและให้ค่าสีได้อย่างตรงไปตรงมา
คือ...ไม่ซีดจนเซ็ง แล้วก็ไม่สดจัดจนเวอร์หรือเกินพอดี (ถ้าใครที่เรียนจบทางด้านอาร์ตมา น่าจะเข้าใจเรื่องความถูกต้องของสีได้ไม่ยาก)
การเกลี่ยสีหรือการไล่โทนสีก็ทำออกมาได้ดีและเนียนตา จะเห็นได้ว่า Gain สีของฉากบางฉากที่เคยแตกเป็นเม็ดพิกเซลหยาบๆ
จะแลดูกลมกลืนและมีความต่อเนื่องเชื่อมโยงกันมากขึ้น ซึ่งก็เป็นผลทำให้องค์รวมของภาพแลดูนุ่มนวลสบายตา และดูมีความแตกต่างจากสาย No Name โดยสิ้นเชิง
ถึงแม้ภาพจะออกมาดูนุ่มนวลสบายตา แต่มันก็ยังคงไว้ซึ่งความคมชัดของภาพในระดับ High-definition
หรือพูดง่ายๆ ว่ามิติของภาพดูเนียนตา แต่ภาพยังคมกริบ!!! ไม่ติดอาการเบลอใดๆ ทั้งสิ้น
ยิ่งไฟล์ไหนที่บันทึกภาพมาดีๆ และมีความคมชัดมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกอยู่แล้ว (เช่น...Real Steel)
มิติและรายละเอียดของสีสันต่างๆ จะโดดเด้งออกมาให้เราได้สัมผัสและจับต้องด้วยตาเปล่าแบบง่ายๆ และไม่ต้องเพ่งจ้องเลยทีเดียว
และที่สำคัญมากๆ อีกจุดหนึ่งก็คือ...สัญญาณขยะปนเปื้อน หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า Noise
เจ้าสาย High Performance ของ Transparent ก็สามารถขจัด Noise ออกไปได้ชนิดที่เรียกว่า...เอาอยู่!!!
แม้บางเรื่องจะขจัด Noise ออกไปได้ไม่ถึงกับหมดเกลี้ยง แต่มันก็ทำให้ Noise ที่ติดมาจากการบันทึกภาพของภาพยนต์เรื่องนั้นๆ จางหายไปได้เยอะ
เรียกได้ว่า...ไม่ทำให้เป็นที่รกตา รกใจเหมือนตอนที่ใช้กับสายตลาดทั่วไป
สำหรับในจุดนี้...ภาพยนต์เรื่อง Transformers 3 น่าจะเห็นได้ชัดเจนกว่าภาพยนต์เรื่องอื่นๆ
เพราะเรื่องนี้แทบทุกภาค Noise โคตะระเยอะ (ไม่ว่าจะเล่นจากแผ่น Blu-ray Masters แบบ Limited Edition หรือเล่นจากไฟล์ Full Rip ก็เจอ Noise หมด)
ส่วนเรื่องความดำสนิทของสีดำที่หลายๆ ท่านเจอปัญหา เรื่องนี้ผมไม่ค่อยเห็นผลของความแตกต่างเท่าไหร่นัก แม้จะใช้กับสาย HDMI ธรรมดาก็ตาม
เพราะจอทีวีที่ผมใช้อยู่จะเป็นจอแบบ Full LED (คือ...จอที่มีหลอด LED เต็มแผงหลังกว่าพันหลอด)
และมีระบบ Local Dimming (คือ...ระบบจอที่สามารถเปิดปิดหลอด LED เฉพาะจุดที่เป็นสีดำเพื่อให้เกิดภาพที่ดำสนิท)
ดังนั้น...เรื่องความดำสนิทของฉากที่เป็นสีดำจึงไม่มีปัญหาสำหรับผม แต่ส่วนที่เห็นผลต่างมากๆ ในเรื่องของสีดำก็คือ...รายละเอียดที่ซ่อนอยู่ในเงาดำ
ซึ่งสาย High Performance ของ Transparent สามารถขุดเอารายละเอียดในส่วนนี้ออกมาให้ผมได้เห็นโดยไม่ต้องเพ่งจ้องอะไรเลย
นอกจากสายเส้นนี้จะมีดีเรื่องของการแสดงผลทางด้านมิติของสี , การไล่โทนสี และรายละเอียดของภาพแล้ว
เท่าที่ผมสังเกตุเห็นการเปลี่ยนแปลงอีกจุดหนึ่ง (แต่ไม่สามารถถ่ายรูปเอามาให้ดูได้) นั่นก็คือเรื่องความลื่นไหลในการเล่นไฟล์ที่เปิดจากเครื่องคอมพิวเตอร์
เพราะก่อนหน้าที่ผมจะได้สาย High Performance ของ Transparent มาใช้ เวลาผมเล่นไฟล์ Hi-def จากเครื่องคอมพิวเตอร์
ภาพจะมีอาการกระตุกหรือสะดุด (โดยเฉพาะฉากที่มีการแพนกล้องไวๆ) ให้เป็นที่รำคาญใจอยู่บ้างเล็กน้อย
จนทำให้ก่อนหน้านี้...ผมมีความคิดที่จะหาอุปกรณ์จำพวก HD-Player มาใช้
แต่พอวันที่ผมทำการทดสอบสาย HDMI สีฟ้าเส้นนี้ รวมถึงวันที่ผมเขียนบทความ อาการกระตุกมันกลับลดน้อยลงไปจนเกือบจะไม่มีให้เห็นเลย
บางฉากที่เคยมีอาการกระตุกมาก (จริงๆ ก็ไม่ถึงกับมากหรอก) ก็ลดน้อยลงในระดับที่รับได้
บางฉากที่เคยกระตุกน้อยๆ ก็กลับกลายเป็นลื่นไหลไม่มีอาการสะดุดกึกๆ กักๆ ให้รำคาญตา
จุดนี้เอง...ที่ทำให้ผมประจักษ์ด้วยสายตาตัวเองแล้วว่า สาย HDMI ที่มีคุณภาพดีๆ มันให้ผลได้มากกว่าที่ตัวผมเคยคาดคิดเอาไว้
เสียดายที่ผมยังไม่ได้ฟังเสียงที่เชื่อมต่อจากสายเส้นนี้ เพราะตอนนี้อุปกรณ์บางตัวยังไม่พร้อมเท่าไหร่นัก
เอาไว้โอกาสหน้า ถ้ามีเวลา - อารมณ์ และมีอุปกรณ์เชื่อมต่อต่างๆ ที่สมบูรณ์กว่าในตอนนี้ แล้วผมจะกลับมาโม้เรื่องเสียงให้ฟังอีกครั้งครับ
บทสรุปส่งท้าย...
จากที่ผมกล่าวมาทั้งหมด!!! ผมอยากจะบอกให้ทุกๆ ท่านที่กำลังอ่านบทความของผมได้รับรู้ว่า...
ผมไม่ได้มีเจตนาอื่นใดแอบแฝงเลยนอกเหนือไปจาก...ผมอยากจะนำเรื่องราวที่ตัวเองประสบพบเจอกับของดีๆ สิ่งดีๆ มาเล่าสู่กันฟังแบบพี่ๆ น้องๆ
ส่วนว่า...ใครจะเชื่อ ไม่เชื่อ จะหาว่าผมโข้มี้!!! ก็สุดแล้วแต่ เพราะของอย่างนี้ ห้ามความคิดกันไม่ได้ครับ
แต่ที่แน่ๆ สาย High Performance ของ Transparent เส้นนี้
มันช่วยเปิดประสบการณ์ให้ตัวผมได้เข้าใจแบบไม่ต้องไปฟังลมปากจากคนอื่นอีกแล้วว่า...
สาย HDMI ดีๆ มีผลต่อคุณภาพของภาพอย่างมากจริงๆ ครับ (ส่วนเรื่องเสียงยังไม่รู้เพราะยังไม่ลองจ้า)
สุดท้ายและท้ายที่สุด...ก็ขอขอบคุณทุกๆ ท่านที่พยายามอ่านจนจบ
ยังไงก็ขอให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกคนมีความสุขกับอุปกรณ์ของตัวเอง ขอให้ฟังเพลงเพราะๆ ดูหนังสนุกๆ กันทุกท่านน่ะครับ
The End
Comment