Announcement

Collapse
No announcement yet.

โมให้ดีกันเยอะแล้ว มาม๊ะ....มาโมให้"เจ๊ง"กันดีกว่า

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • Originally posted by keang View Post

    จุดนี้ทำได้แค่
    - ถ้าไม่ชอบออปแอมป์เบอร์เดิม ก็เปลี่ยนเบอร์ออปแอมป์ใหม่ และต้องเป็นชนิดSOหรือTSSOPเท่านั้น
    - จะใส่อะหลั่ยเกรดดีกว่าเพิ่มเข้าไป ทำได้เพียงแค่ถอดตัวต้านทานSMDออกแล้วใส่ตัวต้านทานใหม่ขนาด0.25wแบบleadแทน ใส่ขนาดใหญ่กว่านี้ก็ไม่ได้เพราะอ้วนเกิน / Cฟิลม์ตัวเล็กๆแบบwimaจะใส่ได้ก็เป็นตัวที่ค่าน้อยๆตัวหนาไม่เกิน3มิลเท่านั้น



    จุดนี้ ที่ผมคิดไว้ ผมจะดูแนวเสียงของวงจรข้างเคียงร่วมด้วย เช่น
    ออปแอมป์ที่รับสัญญาณจากช่องAUXหน้าเครื่อง ตัวเครื่องเล่น(Cowon S9)+สายสัญญาณที่จะเอามาต่อที่ช่องนี้ให้เสียงแบบไหนแนวไหน
    เสียงอะไรขาดอะไรเกิน ก็จะชดเชยด้วยการเลือกใช้เบอร์ออปแอมป์ของจุดนี้อีกที
    ต่จะพยายามเลือกใช้เบอร์ที่ไม่เน้นอะไรมากเป็นพิเศษ ให้โดยรวมกลมกลืนกันมากกว่า เพราะอนาคตอาจมีการเปลี่ยนCowon S9เป็นตัวอื่นก็ได้


    ก่อนจะลองมือทำฟร้อนตัวนี้ ผมต้องย้อนอ่านทุกความเห็นอีกครั้ง+โทรพูดคุยกับคุณekkit เพื่อเก็บข้อมูลก่อนตัดสินใจว่า จะทำอะไรบ้าง
    เพิ่มเติมข้อมูลให้พี่ Keang ครับ
    Cowon S9 เสียงมันออกแนวพุ่งๆ เสียงเด่นครับ เบสเด่นพอควร แต่เสียงไม่ค่อยจะหวาน
    ตอนเล่นเครือ่งเล่นตัวนี้ ผมจะใช้หูฟังเสียงละเอียด และหวาน (Yuin PK2) มาใช้คู่กับเครื่องเล่นตัวนี้
    ถ้า opamp ตัวที่ต่อกับที่ได้มิติ ละเอียด หวาน คงจะได้แบบตรงใจค่อนข้างมากครับ

    ในอนาคตหากไม่ใช่ Cowon S9 ก็คงมีแต่ Microsoft Zune ครับ แต่ Zune แสดงภาษาไทยไม่ได้ ก็คงไม่หามาครับ
    พวก Apple ก็เล่น FLAC ไม่ได้ ได้แต่ WAV และ Apple Lossless
    ดูๆ แล้วคงมีแต่ตัวนี้ครับตอนนี้ และคงจะหาตัวอื่นมาแทนยากครับ


    สาย Mini to Mini ผมยังไม่มีครับ ต้องจัดหาเหมือนกันครับ อันนี้ต้องขอคำแนะนำกับพี่ครับ

    Comment


    • Originally posted by keang View Post
      เวปHead-Fi.org > กระทู้ DIY Cable Gallery!!
      ใครมีเวลาก็ลองไปชมดู มีรูปแบบสายต่างๆให้ดูเพียบ เวลาใครจะทำสายใช้เอง จะได้แบบเป็นไกด์โลน์

      เวปHead-Fi.org > DIY LOD Full step by step do it yourself guide with pictures
      ใครมีเวลาก็ลองไปชมดู เค้าสอนทำสายDocking


      -------------------------------------------------------


      มองเบอร์ไม่ชัดครับ พิมพ์เบอร์ไว้เลยก็ดี จะได้ช่วยค้นให้
      ขอบคุณมากครับ

      เห็นตัวนี้แล้วนึกถึง...อีพร็อคซี่ ดินน้ำมัน....เดียวได้มีของเล่นใหม่
      นึกก่อนทำไรดี TA2050 เสร็จซะที
      Last edited by tiger X-fi; 10 Mar 2011, 03:30:18.

      Comment


      • ทำเพลิน นอนดึกอีกแล้วตู - -"
        นั่งไล่หา pin digital out จาก aud_ext ที่ปกติต่อฟรอนของcreativeเอง
        sb0100จะไม่มีช่องต่อ s/pidf_ioแบบบางรุ่น

        อันที่มีs/pdif i/oใช้วิธีท่านเสือได้ รูป


        เว็บนอกที่หารูปเจอก็บอกไม่เหมือนกัน
        แถมaud_ext มันมี s/pdif out แบบแยก ชาแนลอีก - -. ไล่กันทีละอันเลย ไม่รู้อันชาแนลไหน

        ลองเชื่อ เว็บนี้เอา
        http://www.damsbo.com/soundblaster/sbmod.htm

        พิน1 นับจากซ้ายบนมีเลขมาร์คไว้บนpcb เลขคี่อยู่ซ้าย เลขคู่ขวา

        ลองต่อพิน 7 9 เสียงออกซ่าๆ ผิดปกติ ไม่เป็นเพลง
        (จากประสบการณ์ ถ้าต่อผิดกลับเฟส อย่างต้องมีเป็นเพลง ฉะนั้นตัดประเด็นเรื่องกลับเฟสทิ้งไป)
        ลองกลับไปอ่านใหม่
        Front stereo-channel exists on SPDIFO#0, rear - on SPDIFO#3, center and the subwoofer channel - on SPDIFO#1. At the output SPDIFO#2 is obtained the mixture of front and rear stereos-channel. These signals is possible to get from the header AUD_EXT (second generation of cards) or SPDIF_EXT (first generation of cards). Below is shown the pin-out of the corresponding pins (information it is taken from the reference system To live!Ware).
        ลอง s/pdif #2 แทน เพราะเขาบอกมันmix front+ rearมา
        ไดรเวอร์มันยิ่งมีปัญหามึนๆ ระหว่างฟรอนท์ กับเรียอีก เลยใช้อันนี้

        เสียงออกปกติ
        จะได้ใช้สายตัวโกงเทียบเสียงฝั่งดิจิตอลได้

        -----------

        เทียบเสียงดิจิตอลเอาท์ออนบอร์ด กับ sb0100 คราวนี้ใช้asio4allแทน เพราะkx driverใช้wasapiไม่ได้
        ออนบอร์ดใช้หัวcoax ติดเมนบอร์ด ส่วนซาวน์การ์ดใช้หัวทำเอง
        ต่างกันน้อยมากๆ ไม่ค่อยมั่นใจด้วยว่าตรงไหนบ้าง เทสไปก็มึนๆ
        sb0100 เสียงสะอาดกว่า แต่เสียงออกหลังหูมันน้อยๆกว่าหน่อย มิติดูโยนไปข้างหน้านิดๆ

        ------

        เทียบเสีบเสียงภาคอนาล็อคกับออนบอร์ด
        (*sb0100ใช้แจ็คดำของคู่หลัง แทน คู่หน้า* ถ้าแจ็คเขียวจะมีปัญหา+เสียงมันคนละแนวกันเลย)

        ออนบอร์ดไม่ได้ใช้นานแหล่ะ มีปัญหา ข้างขวามีเสียงน๊อย ซ่าๆ แทรกเบาๆ + เปิดเพลงไปเรื่อย แล้วมีเสียงปุ๊ๆหลุดมา
        ต้องหยุดแล้วเล่นใหม่
        (*ออนบอร์ดใช้แจ๋็คด้านหลัง ด้านหน้า bypassด้วย crerafineกับdip silver micaไว้ ไม่อยากให้ติดแนวเสียงอะไหล่เพิ่ม)
        onboard ผม biacp evoxไป เลยมีน้ำหนักเสียงมากกว่าปกติ แต่มิติด้านลึกหาไม่เจอ เสียงดังกว่าไม่ต้องเร่งvolumneในfoobar นอกนั้นก็ออกขุ่นๆ สไตล์ออนบอร์ด
        (บางเสียงขึ้นรูปเป็นตัวตนในจินตนการได้ แต่ตัวตนไม่ได้เบลอหรือจาง แต่มันขุ่น - -. งง ม่ะ
        เสียงมันฟังดูไม่สะอาดอ่ะ)
        จับตำแหน่งง่าย แต่ระยะห่.างพอฟังออกว่ามีแต่ชิ้นเสียงมันฟังแล้วอยู่เบียดๆ กัน

        sb0100 เสียงสะอาดกว่า เสียงบางกว่า(ต้องเร่งในฟูลบาร์เยอะกว่าหน่อย) เสียงจะเน้นไปทางกลางแหลมมากกว่า
        (ผิดกับsb0570 ที่เคยลองจะเน้นไปทางกลาง-ล่าง)
        ด้านลึกมีมากกว่าพอสมควร ด้านสูงไม่แน่ใจ(แต่คิดว่าเตี้ยกว่าออนบอร์ดนิดๆ)
        การขึ้นตัว-เก็บตัวของเบสออกลางๆ ไม่ช้าไม่เร็วมาก ออกนุ่มนิดๆมั้งแต่ไม่เท่าsb0570 ยังเก็บตัวเร็วกว่าหน่อยน่ะ
        (ถ้าจำไม่ผิด) ไม่ค่อยแน่นหรือแข็งเท่าไร
        ตำแหน่งเสียงฟังดูห่.างกันกว่า แต่ตัวตนดูจางกว่า ขึ้นรูปในจินตนาการลำบากกว่า(จาง เบลอ ขอบเสียงไม่คม
        ไม่ใช่ขุ่นแบบออนบอร์ด ไม่เหมือนกัน) (อาการเดียวกันกับsb0570)


        ระลึกชาติเทียบกับ sb0570 ตัวนั้นออก เน้นกลางล่าง เสียงกลางชัด เบสเก็บตัวช้า
        sb 0100 ตัวนี้เน้นกลางแหลม เสียงออกแนวใสๆ (แต่ก็ยังไม่ใสมาก) รายละเอียดดีกว่า
        ส่วนตัวคิดว่าเหมาะฟังเพลงมากกว่า

        ติดแต่นิสัยเบสแบบครีเอทีฟทั้งคู่ บอกไม่ถูก เหมือนจะเน้นเบสบางช่วงมากกว่าช่วงอื่น ไม่รู้ความถี่ไหนเป็นแค่บางเสียงด้วย
        ตัวตนออกใหญ่ๆบวมๆ เก็บตัวช้า


        เล่าแบบ ภาษาตัวเองน่ะ + ความจำมึนๆ อาจจะจำผิดถูกอีก systemที่ใช้ทดสอบเหมือนเดิม แต่ไม่ได้ปิดฝาเคส
        (ปิดไม่ปิดฝาเคส ผมว่มีผลกับเสียงน่ะ ยังไม่เคยนั่งเทียบจริงจัง แต่ฟังแล้วรู้สึกไม่เหมือนกันเล็กน้อย)
        Last edited by ManiacMaew; 10 Mar 2011, 13:16:49.

        Comment


        • • ข้อมูลต่อเนื่องจาก หน้า123 โพส#2446
          • PCB 4 Layer
          • สัญญาณเสียง NJM2060 > TB2926HQ > 4 Speaker


          TB2926HQ 45W X 4-Channel BTL Audio Power IC
          > dadasheet



          The TB2926HQ is a four-channel BTL power amplifier for car audio applications.
          This IC has a pure complementary P-ch and N-ch DMOS output stage, offering maximum output power (POUT MAX) of 45 W.
          It includes a standby switch, mute function and various protection features.

          Features
          • High output power
          • POUT MAX (1) = 45 W (typ.) @ (VCC = 15.2 V, f = 1 kHz, JEITA max, RL = 4 Ω)
          • POUT MAX (2) = 43 W (typ.) @ (VCC = 14.4 V, f = 1 kHz, JEITA max, RL = 4 Ω)
          • POUT (1) = 26 W (typ.) @ (VCC = 14.4 V, f = 1 kHz, THD = 10%, RL = 4 Ω)
          • POUT (2) = 23 W (typ.) @ (VCC = 13.2 V, f = 1 kHz, THD = 10%, RL = 4 Ω)
          • Low THD: 0.007% (typ.) @ (VCC = 13.2 V, f = 1 kHz, POUT = 5 W, RL = 4 Ω)
          • Low noise: VNO = 60 μVrms (typ.) @ (VCC = 13.2 V, Rg = 0 Ω, BW = 20 Hz to 20 kHz, RL = 4 Ω)
          • Standby switch (pin 4)
          • Mute function (pin 22)
          • Output DC offset detection (pin 25)
          • Various protection features : Thermal overload; overvoltage; output short-circuits to GND, VCC and across the load; speaker current limiting
          • Operating supply voltage: VCC (opr) = 8.0 to 18 V (RL = 4 Ω)




          Pop Noise Suppression
          Since the TB2926HQ uses the AC-GND pin (pin 16) as the common input reference voltage pin for all amplifiers, the ratio of the input capacitance (C1) to the AC-to-GND capacitance (C6) should be 1:4.

          Also, if power is removed before C1 and C6 are completely charged, pop noise will be generated because of unbalanced DC currents.

          To avoid this problem, it is recommended to use a larger capacitor as C2 to increase the charging times of C1 and C6. Note, however, that C2 also affects the time required from power-on to audio output.

          The pop noise generated by the muting and unmuting of the audio output varies with the time constant of C4. A larger capacitance reduces the pop noise, but increases the time from when the mute control signal is applied to C4 to when the mute function is enabled.




          • TB2926HQ ขาอินพุท 11, 12, 14, 15 •
          กำลังพยายามหาเหลี่ยมมุม เพื่อบัดกรีขาCอินพุท(C1)แบบฟิลม์(เหลืองเรซิ่นเขียว ค่า0.22uF)ต่อตรงกับขาของTB2926HQ
          เพื่อไม่ใช้ลายทองแดงของPCB รายละเอียดของสัญญาณเสียงจะได้ไม่ตกหล่นหรือเพี้ยนจากคุณภาพของเนื้อทองแดงคุณภาพต่ำที่ใช้ทำPCB

          • NJM2060 ขาเอ้าพุท 1, 7, 8, 14 •
          กำลังพยายามหาเหลี่ยมมุม เพื่อบัดกรีขาRเอ้าท์พุท(Dale RLR ค่า10K)ของNJM2060ต่อตรงกับCอินพุท(C1)ของTB2926HQ
          เพื่อไม่ใช้ลายทองแดงของPCB รายละเอียดของสัญญาณเสียงจะได้ไม่ตกหล่นหรือเพี้ยนจากคุณภาพของเนื้อทองแดงคุณภาพต่ำที่ใช้ทำPCB

          • C2 10uF 16v •
          อาจเพิ่มค่าความจุเป็น22-47uF และเพิ่มค่าทนไฟเป็น20-25v เพราะ16vต่ำเกินไป

          • C3 0.1uF 50v ชนิดฟิลม์ (ตัวสีเหลือง) •
          เปลี่ยนเป็นแบบฟิลม์เหลืองเรซิ่นเขียว ค่า0.1uF 50vเหมือนของเดิม
          ขยับตำแหน่งให้อยู่ใกล้ C5หรือขา6,20ของTB2926HQ ให้มากที่สุด เพราะของเดิมอยู่ห่.างเกิน

          เรื่องแปลกใจ ดูรูปร่าง ดูลักษณะคล้ายยี่ห้อThomson ไม่มีการพิมพ์สกรีนค่าหรือรหัสใดๆที่ตัวมัน แต่กลับใช้ปากกาเคมีสีดำเขียนค่าไว้แทน ลองใช้แอลกอฮอร์เช็ดดู ปรากฎว่าตัวอักษรที่เค้าเขียนค่าไว้ลอกออกทันที

          • C5 3,300uF 16v •
          ค่าความจุยังไม่แน่ใจว่าจะเปลี่ยนหรือเปล่า แต่จะเพิ่มค่าทนไฟ20-35v เพราะ16vต่ำเกินไป
          Last edited by keang; 10 Mar 2011, 22:10:56.

          Comment


          • ไฟจากรถ ที่มาเลี้ยงฟรอนท์ นี้ 12โวลท์รึเปล่าครับ

            Comment


            • ใช่ ไฟจากแบตจะเป็น12โวลท์ แต่พอเวลารถวิ่งจะมีไฟสวิงในช่วง12-14โวลท์

              Comment


              • รถยนต์ 12v. 60-80 Amp.
                Originally posted by ManiacMaew View Post
                ไฟจากรถ ที่มาเลี้ยงฟรอนท์ นี้ 12โวลท์รึเปล่าครับ

                Comment


                • ชี้เป้าตู้ลำโพงเปล่าๆมากมายเลยครับ 55+

                  http://www.overclockzone.com/forums/...B8%94%E0%B9%89...

                  Comment


                  • รบกวนคุณkeangหรือท่านอื่น ช่วยดูรูปนี้อีกที ตรง ld 33 อีกที




                    ผมงงว่าเขาใช้ c ขาเข้า regulate 3.3v น้อยกว่าขาออกเหรอ - -??
                    ตระกูล1117
                    ขาเข้าอยู่ขวา
                    ขาออกอยู่กลาง
                    กราวน์อยู่ซ้าย
                    ทำไม ค่า47/16 มันไปอยู่ขาขวาสุด
                    เขาทำอะไรผิดมารึเปล่า หรือผมเข้าใจอะไรผิด

                    Comment


                    • Originally posted by keang View Post
                      ...

                      ...
                      อ่ะ ผมเดาเกือบถูก (ก็ผิดแหละ) C กระป๋องตัวใหญ่ เป็น C ripple ของ IC Amp
                      แต่ถ้าจะเปลี่ยน ผมก็ยังว่าน่าจะใช้ LOW ESR high ripple นะ หรือปล่าว

                      ดู block diagram ของ IC แล้วนี่ ก็ใช้ได้นะ ก็เหมือน 8 channels เลย เสียง 4ch, - อีก 4ch
                      ลด Noise ลด Cross talk ได้เยอะเลย ไม่ใช้ Output Coupling Cap ด้วย

                      ----
                      ไฟในรถ เวลาติดเครื่องจะ ~ไฟจาก Alternator 13.6-14.4V ขึ้นกับยี่ห้อ ว่าใช้ Alternator แบบไหน

                      Comment


                      • LD1117 Cไฟเข้า กับ Cไฟออก ไม่มีกฏตายตัวว่าจุดไหนต้องมากหรือน้อยกว่ากัน

                        ตัวแปรพื้นฐาน (ในดาต้าชีทก็มีบอกไว้)
                        - ขาไฟเข้า
                        ตัวไอซีกับแหล่งจ่ายไฟ...อยู่ห่.างกันมากน้อยแค่ไหน ห่.างมากก็ต้องใช้ค่ามากขึ้นเพื่อชดเชย, ห่.างน้อยก็ไม่จำเป็นต้องใช้ค่าสูงมาก
                        หรือ ไม่สนใจว่าอยู่ใกล้อยู่ไกล อยากใส่ค่าเท่าไหร่ก็ใส่ได้ เครื่องทำงานได้อยู่แล้ว

                        - ขาไฟออก
                        ตัวไอซีกับโหลด...อยู่ห่.างกันมากน้อยแค่ไหน ห่.างมากก็ต้องใช้ค่ามากขึ้นเพื่อชดเชย, ห่.างน้อยก็ไม่จำเป็นต้องใช้ค่าสูงมาก
                        หรือ ไม่สนใจว่าอยู่ใกล้อยู่ไกล อยากใส่ค่าเท่าไหร่ก็ใส่ได้ เครื่องทำงานได้อยู่แล้ว


                        อันนี้เล่าย้อนอดีตให้เป็นข้อมูล
                        การ์ดCreativeรุ่นเก่าๆจะใช้Cไฟเข้า22-47uF(แล้วแต่รุ่น) > ต่อมาเปลี่ยนใหม่เป็น47uFนานพอสมควร > ตอนเป็นX-Fi เริ่มใส่เป็น47-100uF
                        Last edited by keang; 10 Mar 2011, 20:52:24.

                        Comment


                        • Originally posted by dracoV
                          ดู block diagram ของ IC แล้วนี่ ก็ใช้ได้นะ ก็เหมือน 8 channels เลย เสียง 4ch, - อีก 4ch
                          ลด Noise ลด Cross talk ได้เยอะเลย ไม่ใช้ Output Coupling Cap ด้วย
                          ถ้าดูโครงสร้างภายในจริงๆ ฐานเดิมของเบอร์นี้ก็เป็น8แชนแนล แต่วัตต์คงต่ำเกินไป
                          เค้าเลยปรับปรุงโครงสร้างใหม่เปลี่ยนเป็นบริดจ์ เพื่อให้วัตต์สูงขึ้น

                          แอมป์แบบบริดจ์ ไม่มีCเอ้าท์พุทอยู่แล้วนี่ครับ


                          เผื่อใครสนใจจะดูข้อมูล BTL (Bridge-Tied-Load)
                          เวปElectronics Projects and Kits > Bridging Power Audio Amplifiers

                          Audio amplifiers operate either in a BTL (bridged) or single-ended ("normal") configuration. In the single-ended setup, the output lead goes to the "hot" or "+" side of the load (speaker or speaker box since we are talking audio) and the "-" or "negative" side of the load is tied to a common ground shared with the amplifier. In the BTL configuration, one amp is connected to the "+" side of the speaker (load) and a second amp is connected to the "-" side of the load. For this to work, the output signal from the second amplifier must be a "mirror image" (identical in every respect, but 180 degrees out of phase) of the output from the first amp. The BTL configuration is most often seen in low-voltage, battery-powered applications (like cell phones or "walkman" type personal tape or cd players etc) or in automotive applications over about 10 watts per channel.

                          In the BTL configuration, each amp drives half the load impedance. With the signals being out of phase, the voltage swing across the load appears to be doubled, and with each amp driving half the impedance the current is doubled. In theory the bridged pair will produce 4 times the power into the load that either amp acting alone could provide. In reality it seldom works that well. Usually current limiting or thermal protection circuitry will activate to protect one or both amplifier ICs, sometimes the power supply will be marginal and unable to deliver the required voltages at the required currents. Realistically it is rare for a bridged pair to produce more than twice the power each amp would deliver single-ended - especially in the case of IC amplifiers that have all sorts of protection circuitry built-in.

                          There are two basic approaches to bridging. One strategy is to set the first amplifier to provide all the voltage gain, then feed the output signal to both one side of the load and to the second amplifier. Either the signal has to be phase inverted between the amps or fed to the inverting input of the second amplifier. Either way the second amplifier has to operate at unity gain to provide the same signal voltage as the first. This can cause stability problems in the second amplifier unless it is compensated for operation at unity gain. This is fairly easy at low signal levels using reasonable quality op amps, but may not be so easy at high power levels. The approach I prefer is "splitting" the line level signal and using matched power amplifiers that run identical gain. I do this "splitting" with a dual op amp. The device type is not critical so long as it is reasonably low-noise and has at least a moderate slew rate. In systems starting with a nominal 1Vpp signal and going up to around 125 watts rms, noise usually isn't an issue (except from zener diodes, which should be bypassed with a 47uf to 100uF or so capacitor.) I have had excellent results using MC4558, NE5532, TLO72 and TLO82s. For production I prefer the MC4558 since it is the cheapest of these, but my own favorite is the NE5532.
                          Last edited by keang; 10 Mar 2011, 20:51:33.

                          Comment


                          • ขอบคุณครับ

                            ไม่ได้อ่าน ดาต้าชีทให้ดี
                            ดันไปคิดว่าเหมือน c filter หลังไดโอดต้องเรียงค่ามากไปน้อย

                            ขอบคุณรื่อง BTL สงสัยมาสักพักแหล่ะ ว่ามันคืออะไร แต่ยังไม่ได้หาอ่าน

                            Comment


                            • ขอบคุณข้อมูล BTL ด้วยครับ เคยรู้แต่ว่ามันได้ผลอะไรออกมา ทีนี้ก็รู้ว่ามันทำงานยังไง

                              ครับ ผมพิมพ์ตกไปนิดนึง ไม่(ต้อง)ใช้ น่ะครับ ถ้าเป็น IC Amp ทั่วๆไปธรรมดาส่วนใหญ่จะใช้
                              เพราะมันออกแบบง่ายกว่า(ขายได้ถูกกว่า) ส่วนใหญ่ถ้าเป็นแบบ single supply กราวน์ร่วม นี่ใช้ทั้งนั้นเลย

                              ส่วนตัว ผมไม่ชอบ C output ว่ามันลดทอนคุณภาพของเสียง ไม่ว่าจะใช้ C ดีขนาดไหน
                              แต่บางคนก็ชอบเสียงแบบที่ผ่าน C output เหหมือนกันนะ นานาจิตตัง
                              Last edited by dracoV; 11 Mar 2011, 00:31:32.

                              Comment


                              • Originally posted by ManiacMaew
                                ดันไปคิดว่าเหมือน c filter หลังไดโอดต้องเรียงค่ามากไปน้อย
                                ถ้าใช้Cฟิลเตอร์หลายตัว ไม่มีมาตราฐานบอกไว้เหมือนกันว่าต้องเรียงค่าแบบไหน
                                ส่วนใหญ่จะเห็น2แบบที่ใช้ๆกัน "เรียงมากไปหาน้อย" หรือ "เรียงน้อยไปหามาก"

                                แต่บางคนก็มีแนวคิดแปลกๆ นำ2แบบนี้ "เรียงมากไปหาน้อย" กับ "เรียงน้อยไปหามาก" มาปรับปรุงต่อ
                                ต้องลองดูวงจรภาคจ่ายไฟให้มากๆ จากหลายๆแหล่ง จากหลายๆที่ บางครั้งจะเห็นอะไรที่ดูแล้วแปลกๆแต่มีผลต่อเสียงเหมือนกัน

                                Originally posted by dracoV
                                ส่วนใหญ่ถ้าเป็นแบบ single supply กราวน์ร่วม นี่ใช้ทั้งนั้นเลย
                                ถ้าใช้ไฟเลี้ยง2ขั้ว บวกกับกราวน์ จะเหมือนไฟท์บังคับเลยว่าต้องมีC Output เพื่อทำหน้าที่DC Block เพราะระบบมันเป็นแบบนั้น
                                มีโอกาสที่ไฟDCจะรั่วออกOutputไปที่ลำโพงได้ แอมป์ระบบOTLจึงต้องมีC Outputไว้ป้องกันในจุดนี้

                                Originally posted by dracoV
                                ส่วนตัว ผมไม่ชอบ C output ว่ามันลดทอนคุณภาพของเสียง ไม่ว่าจะใช้ C ดีขนาดไหน
                                แต่บางคนก็ชอบเสียงแบบที่ผ่าน C output เหหมือนกันนะ นานาจิตตัง
                                CหรือRหรืออะหลั่ยอะไรก็ตาม ทุกยี่ห้อทุกรุ่น ทุกตัวมีความเป็นไปได้ในเรื่องการดรอป,การบูสในบางสิ่งบางอย่าง กับสัญญาณหรือไฟที่เดินทางผ่านตัวมัน
                                อะหลั่ยจะดีหรือไม่ดียังงัย สัญญาณหรือไฟก็จะแปรเปลี่ยนไปตามตัวอะหลั่ย
                                Last edited by keang; 11 Mar 2011, 09:58:44.

                                Comment

                                Working...
                                X