เพียงแค่สองวันหลังจากที่ Windows 10 หมดอายุการสนับสนุนอย่างเป็นทางการ (End of Life) ก็เกิดปัญหาใหม่ในฝั่ง Windows 11 ทันที เมื่อมีรายงานว่า อัปเดต Windows 11 เดือนตุลาคม (KB5066835) ได้ทำให้ฟีเจอร์ “localhost” ใช้งานไม่ได้ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อ นักพัฒนาเว็บหลายล้านคนทั่วโลก ที่ไม่สามารถรันแอปพลิเคชันของตัวเองบนเครื่องพีซีได้อีกต่อไป
อัปเดต KB5066835 นี้เป็นการอัปเดตด้าน ความปลอดภัย และต่อยอดมาจากแพ็กเกจก่อนหน้า KB5065789 (เดือนกันยายน) โดยเพิ่ม “การปรับปรุงคุณภาพ” เข้าไป แต่กลับทำให้ ฟังก์ชัน localhost ซึ่งเป็นชื่อโฮสต์เสมือนที่ใช้ให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำหน้าที่เป็นเซิร์ฟเวอร์ของตัวเอง เกิดการขัดข้อง ฟีเจอร์นี้มีความสำคัญอย่างมากในหมู่นักพัฒนา เพราะใช้ในการทดสอบเว็บไซต์หรือแอปก่อนนำขึ้นเซิร์ฟเวอร์จริง
ปัญหานี้สร้างผลกระทบกว้างขวาง โดยเฉพาะกับผู้ใช้ Windows 11 ที่ใช้เครื่องเป็น local server หรือ workstation สำหรับงานโปรดักชัน ซึ่งตอนนี้ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ
จนถึงตอนนี้ Microsoft ยังไม่ได้ออกมายืนยันหรือชี้แจงอย่างเป็นทางการ แต่ในชุมชนนักพัฒนาได้พบวิธีแก้ชั่วคราว คือ
ถอนการติดตั้งอัปเดต KB5066835 (ตุลาคม) ออกไป
และถ้าไม่หาย ให้ถอนอัปเดตก่อนหน้าคือ KB5065789 (กันยายน) ออกด้วย
วิศวกรซอฟต์แวร์หลายรายรายงานว่า ปัญหานี้เกี่ยวข้องกับ การเชื่อมต่อ HTTP/2 และการทำงานของ ASP.NET รวมถึงการดีบักใน Visual Studio ที่ล้มเหลว ซึ่งภายหลังการตรวจสอบพบว่า ต้นตอของปัญหามาจาก build version 26100.6899 โดยมีสาเหตุในระดับ kernel component ที่ชื่อว่า HTTP.sys ซึ่งเป็นระบบจัดการทราฟฟิก HTTP ภายในเครื่องของ Windows
สิ่งที่น่ากังวลคือ ปัญหานี้เป็นเพียง “อีกหนึ่งเหตุการณ์” ที่ซ้อนทับปัญหาเก่าของ Windows 11 อย่างต่อเนื่อง —
เพราะก่อนหน้านี้ไม่นาน Microsoft เพิ่งทำ เครื่องมือสร้างสื่อ (Media Creation Tool: MCT) พังโดยไม่ตั้งใจ ก่อนวันสิ้นสุดซัพพอร์ตของ Windows 10 เพียงวันเดียวเท่านั้น
และในสัปดาห์ที่ผ่านมา Microsoft ยัง เริ่มบังคับให้ผู้ใช้ต้องล็อกอินด้วยบัญชีออนไลน์ ในการติดตั้ง Windows 11 ซึ่งแทบจะ หลีกเลี่ยงไม่ได้อีกต่อไป
คำถามใหญ่คือ… ปัญหาเหล่านี้จะทำให้ผู้ใช้ หนีจาก Windows ไปใช้ระบบอื่นหรือไม่
หรือสุดท้ายแล้วพวกเราจะต้อง “อยู่กับมันต่อไป” เพราะไม่มีทางเลือกอื่น?
คำถามชวนคอมเมนต์:
คุณเคยเจอปัญหาแบบนี้หลังอัปเดต Windows บ้างไหม?
คิดว่า Microsoft ควรชะลอการอัปเดตเพื่อทดสอบให้ดีกว่านี้ไหม หรือเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในระบบซับซ้อนแบบ Windows?
ที่มา: The Register