ถ้าจำกันได้ Samsung เคยเป็นเจ้าตลาดสมาร์ทโฟนตีคู่มากับ Apple มาก่อน ในตอนนั้นความได้เปรียบของ Samsung คือการซอยรุ่นออกมาเยอะเพื่อจับกลุ่มผู้บริโภคที่หลากหลาย แต่ความหอมหวานทางการตลาดก็จางลงเมื่อมีตัวแปรใหม่เข้ามาอย่างสมาร์ทโฟนสัญชาติจีนที่ขึ้นชื่อเรื่องราคาที่จับต้องได้ แถมยังใส่เทคโนโลยีที่มากกว่าแบรนด์อื่น ด้วยเหตุนี้ในปี 2019 Samsung ที่ปล่อยให้สถานการณ์นี้ยืดเยื้อมานานจึงขอกลับมาลุยตลาดอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้มาเต็มจริงๆกับ A Series ที่หลายๆคนงงว่ามีกี่รุ่นกันแน่
ในช่วงปี 2017 - 2018 ที่ผ่านมาซัมซุงมีสินค้าหลายซีรี่ย์ อาทิ J Series ที่ออกมาเจากลุ่มเด็กรุ่นใหม่ มีการดึงไอดอลวัยใสอย่าง BNK มาเป็นแม่เหล็ก แถมยังมี A Series ที่จับกลุ่มคนวัยทำงานที่ไม่เน้นความหวือหวาทางเทคโนโลยีมากนัก และ สุดท้ายคือกลุ่มไฮเอนด์ในซีรี่ย์ S และ Note ซึ่งเมื่อลองมาวิเคราะห์ดูแล้วลูกค้าระดับบนค่อนข้างเหนียวแน่น ปัญหาจึงตกไปอยู่ในกลุ่มระดับกลางลงไป สาเหตุในเรื่องนี้มาจากการจำกัดเทคโนโลยีในกลุ่มมือถือระดับกลางของซัมซุง(มีเสียงบ่นจากโซเชียลมาเป็นระยะ) ซึ่งแบรนด์จีนอย่าง OPPO, Vivo, Xiaomi, Oneplus, Huawei ฯลฯ สามารถใส่สเปคแบบไม่กั๊กในราคาที่ต่ำได้ ผู้บริโภคจึงหันหลังให้กับซัมซุงไปเยอะพอสมควร
Samsung แก้เกมด้วย A Series 2019
หลายคนคงคุ้นเคยกับ A Series กันมาบ้างแล้ว เดิมทีจะเป็นเลขหลักเดียว เช่น Galaxy A7 หรือ Galaxy A8 แต่การมาในครั้งนี้จะมาเป็นเลข 2 หลัก และมาด้วยกันหลากหลายรุ่น หลากหลายราคา
เริ่มกันที่ A10 รุ่นน้องเล็กสุด กับราคา 4,490 บาท สมาร์ทโฟนหน้าจอ 6.2 นิ้ว(Infinity V) ที่มาพร้อม Android Pie ใช้ชิป Exynos 7884 Ram3 Rom32 สามารถเพิ่ม MicroSD ได้อีก 512GB กล้องหน้าความละเอียด 5MP กล้องหลักความละเอียด 13MP แบตเตอรี่ 3,400 mAh รองรับ 2 Sim มีระบบตรวจจับใบหน้า
A20 กับราคา 5,890 บาท ขยับสเปคขึ้นมากอีกหน่อย หน้าจอ Super AMOLED 6.4 นิ้ว(Infinity V) มาพร้อม Android Pie ใช้ชิป Exynos 7884 Ram3 Rom32 สามารถเพิ่ม MicroSD ได้อีก 512GB กล้องหน้าความละเอียด 8MP กล้องหลักคู่ความละเอียด 13MP+5MP แบตเตอรี่ 4,000 mAh รองรับ 2 Sim มีระบบตรวจจับใบหน้าและลายนิ้วมือ
A30 กับราคา 7,290 บาท หน้าจอ Super AMOLED 6.4 นิ้ว(Infinity V) มาพร้อม Android Pie ใช้ชิป Exynos 7885 Ram3 Rom32 สามารถเพิ่ม MicroSD ได้อีก 512GB กล้องหน้าความละเอียด 16MP กล้องหลักคู่ความละเอียด 16MP+5MP แบตเตอรี่ 4,000 mAh รองรับ 2 Sim มีระบบตรวจจับใบหน้าและลายนิ้วมือ
A40 ตัวนี้เน้นกล้อง แต่ยังไม่เปิดราคา สเปคคร่าวๆ หน้าจอ Super AMOLED 5.9 นิ้ว(Infinity U) มาพร้อม Android Pie ใช้ชิป Exynos 7885 Ram4 สามารถเพิ่ม MicroSD ได้อีก 512GB กล้องหน้าความละเอียด 25MP กล้องหลักคู่ความละเอียด 16MP+5MP แบตเตอรี่ 3,100 mAh รองรับ 2 Sim มีระบบตรวจจับใบหน้าและลายนิ้วมือ
A50 กับราคา 11,490 บาท หน้าจอ Super AMOLED 6.4 นิ้ว FHD+ (Infinity U) มาพร้อม Android Pie ใช้ชิป Exynos 9610 Ram6 Rom128 สามารถเพิ่ม MicroSD ได้อีก 512GB กล้องหน้าความละเอียด 25MP กล้องหลัก Triple Camera ความละเอียด 25MP+8MP+5MP แบตเตอรี่ 4,000 mAh รองรับ 2 Sim มีระบบตรวจจับใบหน้าและลายนิ้วมือ
A70 ราคา 15,990 บาท หน้าจอ Super AMOLED 6.7 นิ้ว(Infinity U) มาพร้อม Android Pie ใช้ชิป Exynos 9610 Ram6/8 Rom128 สามารถเพิ่ม MicroSD ได้อีก 512GB กล้องหน้าความละเอียด 32MP กล้องหลัก Triple Camera ความละเอียด 32MP+8MP+5MP แบตเตอรี่ 4,500 mAh รองรับ 2 Sim มีระบบตรวจจับใบหน้าและลายนิ้วมือ
สุดท้ายกับ A80 ไฮไลต์ของ A Series หน้าจอ Super AMOLED 6.7 นิ้ว(New Infinity Display) มาพร้อม Android Pie ใช้ชิป Exynos 9610 Ram6/8 Rom128 สามารถเพิ่ม MicroSD ได้อีก 512GB กล้องหน้าและกล้องหลักความละเอียด 48MP+8MP มาพร้อม 3D Depth รุ่นนี้เรื่องกล้องจะแตกต่างไปอีกขึ้นคือ เป็น Rotating Camera(กล้องหน้าหลังสลับไปมา) แบตเตอรี่ 3,700 mAh รองรับ 2 Sim มีระบบตรวจจับใบหน้าและลายนิ้วมือ
จากที่กล่าวเท่ากับว่า A Series ที่เปิดตัวและวางจำหน่ายในประเทศไทย มาด้วยกันทั้งสิ้น 7 รุ่น ซึ่งถ้าหากมองจากราคาเป็นหลักก็เท่ากับว่าซัมซุงวางแผนที่จะดักทุกช่วงของระดับผู้บริโภค ทั้งที่ซื้อมาใช้เป็นเครื่องหลักก็ดี หรือแม้กระทั้งนำมาใช้เป็นเครื่องรองควบคู่ไปกับเครื่องหลักก็ได้ แต่ก็น่าเสียดายที่ยังคงให้ชิปประมวลผลในกลุ่ม Exynos รหัส 7xxx มาอยู่ดี โดยรวมถือว่าเป็นการเปลี่ยนโฉมที่น่าสนใจ ที่เห็นได้ชัดคือเรื่องกล้องที่มีการพัฒนาให้ดีขึ้น ก็คงต้องรอดูกันต่อไปว่าทำราคาแบบนี้ออกมา ซอยรุ่นถี่มากขึ้นและใช้ A Series ในการทำตลาด จะสามารถแก้เกมสมาร์ทโฟนจีนได้หรือเปล่า