Review: ศึก Mechanical Keyboard 10 ตัว คียบอร์ด Mechanical ศึกมูลค่าครึ่งแสน ใครจะ..

[Prime Time]

Review : ศึก Mechanical Keyboard 10 ตัว คียบอร์ด Mechanical ศึกมูลค่าครึ่งแสน ใครจะอยู่ ใครจะไป มาชมกันครับผม


สวัสดีดีครับเพื่อนๆ ทุกท่าน ยินดีต้อนรับเข้าสู่การต่อสู้ของ Mechanical Keyboard ในท้องตลาดเมืองไทยครับผม ว่ารุ่นไหนน่าเล่นยังไง อย่างไร ตัวไหนมีจุดเด่นยังไง หรือ อย่างไร นะครับผม


ก่อนอ่านบทความนี้ ผมเองคาดเดาว่าท่านได้อ่านบทความเกี่ยวกับ Mechanical ระดับเริ่มต้นมาจากกระทู้เดิมแล้วนะครับผม เพราะกระทู้นี้จะเป็นเรื่องต่อยอดจากระทู้เดิมนะครับผม ถ้าท่านยังไม่ได้อ่านของเดิมเชิญได้ที่

http://www.overclockzone.com/forums/...�ังไง/



โดยการทดสอบมูลค่าครึ่งแสนนี้ ผมเองทำมาให้เพื่อนโดยเฉพาะครับผม จะได้เลือกกันได้ง่ายขึ้นว่า สนใจ Mechanical Keyboard ทั้งที เอาตัวไหนดีที่สุดสำหรับความต้องการของท่านครับผม


โดยจะมี Mechanical Keyboard จำนวน 10 ตัว มา group test กัน ประกอบด้วย Keyboards ตามรายการดังนี้ครับผม


1. Razer BlackWidow Ultimate 2014 (Razer/Kailh Green switch) ราคาประมาณ 5,200 บาท

2. CM Storm Trigger (Cherry MX Black switch) ราคาประมาณ 4,600 บาท

3. CM Storm Trigger Z (Cherry MX Blue switch) ราคาประมาณ 4,500 บาท

4. CM Storm Mech (Cherry MX Blue switch) ราคาประมาณ 5,000 บาท

5. TT eSport Poseidon Z (Kailh Blue switch) ราคาประมาณ 2,600 บาท

6. Ducky Zero (Cherry MX Blue switch) ราคาประมาณ 2,600 บาท

7. Ducky Premier (Cherry MX Blue switch) ราคาประมาณ 3,800 บาท

8. Ducky Premier (Cherry MX Red switch) ราคาประมาณ 3,800 บาท

9. CM Storm QuickFire Ultimate (Cherry MX Blue switch) ราคาประมาณ 3,600 บาท

10. CM Storm Novatouch (Topre switch (45G)) ราคาประมาณ 7,000-8,000 บาท (หาซื้อยากมาก ยังไม่มีวางจำหน่ายในไทย เมื่อวางจำหน่ายราคาน่าจะถูกกว่าราคาสิงคโปรอันนี้ครับ) และสำหรับอันที่ 10 นี้จะมีรีวิวโดยละเอียดแยกอีกครั้งด้วยครับผม


ภาพครับผม

[Prime Time]

หลังจากชมภาพและรายละเอียดของ Keyboard ทั้งหมดไปแล้วมาดูกันดีกว่าครับผม ว่า Keyboard แต่ละตัวข้างบนนั้นมีจุดเด่นหรือจุดด้อยยังไงครับผม



แต่ก่อนจะเริ่มกันผม ขออธิบายสิ่งที่ทำให้ Keyboard Mechanical แต่ละตัวมีความแตกต่างกันด้านสัมผัสการพิมพ์และเสียงก่อน แม้ว่าจะเป็น switch สีเดียวกัน ยี่ห้อเดียวกันก็ตามครับผม หากคุณลองถอด Keycaps ออกแล้ว กด switch ของ keyboard แท้ๆ นั้นจะพบว่าเสียงจริงๆ ของมันแตกต่างกับเวลาที่มี keycaps ครอบไว้ครับผม




1. สิ่งที่ทำให้ switch สีเดียวกันมีเสียงต่างกันได้นั้นมาจาก

1.1 วัสดุที่นำมาทำ Keyboard ครับผม ทั้งความแข็งและรูปแบบมีผลต่อการสะท้อนเสียงครับ

1.2 วัสดุ และ ความหนา ของ Keycaps ครับผม เรื่อง Keycaps นี้สำคัญทีเดียวครับผม จะอธิบายอย่างละเอียดในย่อหน้าต่อไปครับผม



2. สิ่งที่ทำให้ switch สีเดียวกันมี สัมผัสที่แตกต่างกันคือ

2.1 Keycaps ครับผม ทั้งจากรูปแบบวัสดุและความหนาของมันครับผม

2.2 และในปุ่มยาวๆ ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น Spacebar, Shift, Backspace หรืออื่นๆ นั้น จะมีสิ่งที่เรียกว่า Stabilizer เพิ่มขึ้นมานอกเหนือจาก switch หลักตรงกลางครับผม

Stabilizer คือสิ่งที่ทำให้ Key ยาวๆ นั้นเสถียรเท่ากันทั้งอันไม่เอียงซ้ายขวา แต่ Stabilizer นั้นมีหลายแบบครั้บผม แต่ละแบบให้สัมผัสที่แตกต่างกันด้วยครับผม แบ่งเป็นแบบหลักๆ 2 แบบครับผม ได้แก่

2.2.1 Cherry Style มักจะพบอยู่ใน Keyboard ของ Cherry เองและในยี่ห้อ Ducky ครับผม แบบนี้ให้สัมผัสที่แตกต่างกับปุ่มอื่นๆ ครับผม คือมันจะไม่ค่อยคมนักครับผม เวลากดเฉียงๆ จะรู้สึกไม่มั่นคงและไม่ กริ๊กๆ เหมือนปุ่มอื่นๆ ครับผม

2.2.2 Costar Style มักจะพบอยู่ใน Keyboard ที่ OEM โดย Costar ที่ดังๆ แพงๆ ก็ Filco ครับผม นอกจากนี้ใน CM Storm, TT eSport และ Razer เองมักจะเป็นแบบนี้ครับผม แบบนี้จะให้สัมผัสที่แม่นยำกว่า คมกว่า กริ๊กๆ เหมือนกันกับปุ่มอื่นๆ ครับผม ส่วนตัวผมชอบแบบนี้มากกว่าครับผม

[Prime Time]

มาว่ากันเรื่อง Keycaps ครับผม




จากภาพนะครับผม จะเห็นภาพเมื่อผมเองถอด Keycaps ออกมาจาก Keyboard แต่ละตัวนะครับผม จะเห็นว่าที่ Keyboard จะเหลือ switch สีต่างๆ ส่วน Keycaps เองก็ตามภาพที่เห็นเลยครับผม

เจ้า Keycaps นี้เป็นอะไรที่กระทบบุคลิคการทำงานของ switch ได้เยอะเลยครับผม Keyboard ตัวเดิมแต่เปลี่ยน Keycaps นั้นจะให้อารมณ์ที่แตกต่างจากเดิมไปเลยครับผม


Keycaps นั้นทำจากวัสดุประเภท Plastic ครับผม โดยส่วนมากแล้วนั้นจะเป็นแบบ ABS ครับผม พบตั้งแต่ใน Keyboard ถูกๆ ไปจนถึง Keyboard แพงๆ ครับผม แต่ก็มี Keycaps แยกขายหรือ Keycaps บางประเภทที่เป็นแบบ PBT ครับผม


โดยยังแยกย่อยออกไปได้เป็น ABS ธรรมดา ABS Doubleshot ตามแต่ขั้นตอนการผลิตของมันนะครับผม และมันทำให้งานที่ได้นั้นแตกต่างกันด้วยครับผม แต่วันนี้ผมจะมาแบบย่นย่อพอนะครับผม



โดยจะแยกเป็น Keycaps แบบ ABS และ PBT แบบหนาและแบบบางเท่านั้นครับผม





จากภาพนะครับผม จะเห็นว่านอกจากวัสดุแล้วยังมีเรื่องความหนาและความบางเข้ามาเกี่ยวข้องได้อีกครับผม



โดยรวมแล้ว ABS Keycaps นั้นจะบอบบางกว่า PBT ครับผม (แต่ก็ยังจัดว่าแข็งแรงเหลือเฟือแล้วครับผม เอารถเหยียบยังไม่เป็นไร) และจะสึกหรอ(กลายเป็นพลาสติคเงาๆ สะท้อนแสง) ไวกว่า PBT ครับผม ถ้าใช้งานหนักๆ

ดังนั้นสิ่งที่ PBT ได้เปรียบ ABS คือ

1.มันทนกว่าครับผม

2.มันยังคงความสวยงามตั้งแต่วันแรกที่ใช้ไปจนหลายๆ ปี หลายๆ สิบปีได้ อย่างดีครับผม

3.วัสดุของ PBT นั้นจะสาก กว่าครับผม หลายคนรวมทั้งผม จึงชอบสัมผัสสากๆ มากกว่าแบบลื่นๆ บน ABS นิดหน่อยครับผม


นอกจากนั้น PBT นั้นจะทำให้บุคลิคของ switch เปลี่ยนไปนิดหน่อยครับผม โดยมันจะนุ่มขึ้นเวลากดครับผมสำหรับ Blue switch อันนี้น่าจะมาจากน้ำหนักที่มากกว่าของ PBT keycaps ครับผม และเสียงเวลากดก็จะเปลี่ยนไปนิดหน่อยครับผม โดยเสียงจะแปลกไปครับผม

และยิ่งโดยเฉพาะ PBT แบบหนา หรือ Thick PBT ใน Ducky นั้นจะทำให้บุคลิคการสัมผัสของ switch เปลี่ยนไปมากๆ รวมถึงเสียงที่เปลี่ยนไปมากๆ ด้วยเช่นกันครับผม


ซึ่งบุคลิคที่เปลี่ยนไปนี้ หลังจากผมลองอยู่สักพักนั้น ผมรู้สึกได้ว่ามันแค่แตกต่างกันครับผม ไม่มีอันไหนดีกว่าหรือแย่กว่า แค่แตกต่างกันครับผม บางคนอาจจะชอบ PBT บางคนอาจจะชอบ ABS อยู่ที่ความชอบส่วนบุคคลเลยครับผม




โดย Keycaps นั้นสามารถซื้อมาเปลี่ยนได้ทั่วไปครับผม โดยไม่ต้องกลัวเรื่องประกันครับผม เพราะ Mechanical Keyboard นั้นออกแบบมาให้เปลี่ยน Keycaps ได้โดยตรงอยู่แล้วครับผม รวมถึงการเปลี่ยน Keycaps ก็เป็นสเนห์อย่างนึงของ Mechanical Keyboard ด้วยครับผม

[Prime Time]

มาว่ากันต่อที่รีวิวสำหรับ Keyboard Mechanical ทั้ง 10 ตัวข้างต้นเลยนะครับผม





1. Razer BlackWidow Ultimate 2014


เจ้า Razer BlackWidow Ultimate 2014 นี้พร้อมกัน switch ของ Razer ที่มีการดัดแปลงและปรับปรุงเอง แต่ผลิตโดย Kailh (Razer จ้างผลิตเป็นกรณีพิเศษครับ)



งานประกอบและวัสดุ

งานประกอบและวัสดุภาพนอกของ Razer ตัวนี้ นั้นเนี๊ยบมากๆ ครับผม พื้นผิวของมันแบบ Ruberized หรือเคลือบวัสดุคล้ายยางทำให้เวลาสัมผัสให้ feeling ที่ดีมากๆ ครับผม ต่างกับ Placstic ทั่วไป ใน Keyboard ทั่วไปครับผม นอกจากนั้นงานประกอบโดยรวมเองก็จัดว่าดีมากๆ ครับผม แน่นหนา Solid ดีมากๆ ทุกจุดครับผม แต่เรื่อง QC ภายในนั้น Razer มีชื่อเสียมาก่อนครับ ว่ากันว่าซื้อ Razer นั้นต้องพกดวงไปด้วยถ้าคุณได้ตัวดีๆ ก็ใช้ได้ยาวๆ หลายปีเนียนๆ เยี่ยมๆ ไม่มีเสีย แต่ถ้าดวงไม่ดีก็จะเสียไวมากๆ ครับผม ต้องเอาไปเครมกันอีกทีครับผม

แต่โดยรวมจากสัมผัสและวัสดุของมันนั้นผมเองชอบมากๆ ครับผม ทั้งตัวถังและสายไฟที่เป็นแบบสายถักดูแน่นหนา Solid ดีครับผม

แต่สายของมันนั้นเป็นแบบติดตายไม่สามารถถอดออกได้ครับผม ซึ่งตรงจุดนี้ผมไม่ค่อยชอบนักครับผม แบบถอดได้ดูจะสะดวกกว่ามากๆ และดีกว่าในระยะยาวครับผม



สัมผัสการพิมพ์

Green switch ของ Razer เองนั้นออกแบบให้จุด Actuation point สูงขึ้นจากเดิมพอควรครับผม และมันอยู่ใกล้ Reset point มากๆ ครับ ผมพบว่าการพิมพ์บน BW Ultimate 2014 นั้นเป็นรูปแบบที่ผมชอบมากที่สุดครับผม

แต่การวาง Layout ของเขา และรูปแบบปุ่มจะแปลกๆ หน่อยต้องใช้เวลาสักพักจริงๆ ก่อนจะชินกับมันครับผม ไม่งั้นแรกๆ จะพิมพ์ผิดเยอะเลยครับผม



ลูกเล่น

เจ้านี่มาพร้อมกับ Backlight สีเขียวที่สามารถปรับได้หลายระดับครับผม พร้อมกับ Function มาโครที่ ตัวผม ไม่แม้แต่ละลงโปรแกรมครับผม เพราะส่วนตัวผมรู้สึกว่า Program ควบคุมและระบบ Macro ของ Razer นั้นออกเอ๋อๆ ครับผม






2. CM Storm Trigger


เจ้า Trigger ตัว Original นี้ เป็นรุ่นก่อน Trigger Z ครับผม ตัวนี้มาพร้อมกับ Cherry MX switch สีดำ ซึ่งเป็นแบบ linear ซึ่งส่วนตัวไม่ใช่ Style ของผมครับผม (ผมพิมพ์เยอะ ทำงานเยอะ เล่นเกมส์น้อย) แต่ถ้าท่านใดเล่นเกมส์เป็นหลัก เล่นเกมส์อย่างเดียว พวกเกมส์เดินยิง Black switch นั้นเป็นอะไรที่ใช้ได้ดีมากๆ กับงานนี้จริงๆ ครับผม รวมทั้งเกมส์ที่ต้องกด skill รัวๆ อย่าง Ragnarok ด้วยครับผม สมัยผมเล่นเมื่อก่อนใช้ Black switch แล้ว happy มากๆ ครับผม



งานประกอบและวัสดุ

จัดว่าดีมากๆ ครับผม เป็น Rubberized บางส่วน แต่งานประกอบดูสวยงาม มีราคา และ Solid มากๆ รวมทั้งวัสดุที่ใช้นั้นก็ให้สัมผัสที่ดีมากๆ ครับผม



สัมผัสการพิมพ์

Black switch นั้นออกแนวหนักๆ หน่อยครับผม และบน Trigger ตัวนี้ให้อารมณ์ Black switch มารตฐานทั่วไปครับผม (Black switch นั้นเป็น switch ที่บุคลิคค่อนข้างชัดเจน Keycaps ต่างๆ จะเปลี่ยนบุคลิคของมันได้น้อยมากๆ ครับผม)



ลูกเล่น

เจ้าตัวนี้มาพร้อมกับไฟสีแดง ปรับความสว่างและรูปแบบการทำงานได้ครับผม นอกจากนั้นยังมาพร้อมกับ Function Macro ที่ใช้งานได้จริงไม่เอ๋อ แต่ยังไม่เทพเท่าของ Trigger Z รุ่นใหม่ครับผม

[Prime Time]

3. CM Storm Trigger Z


เจ้า Trigger Z ตัวนี้ ออกมาแทน Trigger เดิมครับผม ตัวนี้มาพร้อมกับ Cherry MX Blue switch ครับผม



งานประกอบและวัสดุ

จัดว่าดีมาก ถึงมากที่สุดครับผม ผม Happy ทุกครั้งที่ได้จับถือเจ้านี้ครับผม เป็นวัสดุเคลือบยางทั้งตัว ให้สัมผัสที่ดีมากๆ ครับผม งานประกอบแน่นหนามากๆ ครับผม โดยรวมๆ แล้วเป็น Keyboard ที่งานประกอบภายนอกเทพที่สุดในท้องตลาดรุ่นนึงครับผม



สัมผัสการพิมพ์

เจ้าตัวนี้ให้อารมณ์การพิมพ์ของ Blue switch ชัดเจนครับผม เสียงดัง คม สัมผัสรู้สึก Precise มากๆ เหมาะกับท่านที่หลงรัก Blue switch ครับผม ถ้าท่านชอบบุคลิคของ Blue switch แล้วมาใช้เจ้า Trigger Z ท่านจะหลงรักมันเลยทีเดียวครับผม



ลูกเล่น

เจ้านี่มาพร้อมกับ ไฟสีฟ้า ที่ปรับระดับและรูปแบบของไฟได้หลายแบบ หลายระดับครับผม นอกจากนั้นมันยังมาพร้อมที่รองมือที่ทำให้สบายมากๆ ในการใช้งานยาวๆ ครับผม

สายของมันเป็นแบบถอดออกได้ สายดูมั่นคงแข็งแรงมากๆ ครับผม อันนี้ขอชมครับผม



และที่สำคัญที่สุด เจ้านี่มาพร้อมกับระบบ Macro และการ Mapping ปุ่มในระดับ Hardware Level ที่การควบคุมน่าจะเรียกได้ว่าเทพที่สุดแล้วครับผม



ตรงนี้ผมขอลงสกู๊ปพิเศษเกี่ยวกับระบบ Macro ของ Trigger Z และ Mech นะครับผม เหมือนกันทั้งคู่ครับผม ส่วนตัวว่าเทพที่สุดในบรรดาระบบ Macro ทั้งหมดครับ เพราะอะไรมาลองดูกันครับผม





Full Programable Keys คือทุกปุ่มสามารถตั้งได้หมดว่าจะให้ทำงานเป็นปุ่มอะไรครับผม ไม่ได้ตั้งแค่จาก Windows level หรือ Driver level ที่ไป re-mapping บน Windows เหมือน Keyboard ทั่วไปนะครับผม แต่เจ้านี้มันตั้งค่าเข้าไปในแผงวงจรควบคุมทางกายภาพเลยครับ หมายความว่าไม่ว่าคุณจะถอดไปใช้กับเครื่องไหน ก็จะได้ปุ่มแบบที่คุณโปรแกรมไว้โดยไม่ต้องลงโปรแกรมอะไรเลยครับ เพราะมัน re-mapping ให้จากภายใน Keyboard เลยครับ ไม่ใช่มารีแมปบน OS ครับผม

และจากข้อดีนี้คือมันสามารถ re-mapping ให้เหมาะกับ MAC OSX ได้ด้วยครับ เหมาะกับคนที่ใช้ทั้ง Windows และ OSX อย่างผมครับ อย่างเวลาผมเอาไปเสียบกับเครื่อง Mac แล้ว re-mapping ไปเสร็จสรรพเนี่ยจะสะดวกมากๆ ครับผม

นอกจากนั้นคุณยังเซฟ Profile แยกไว้ได้ด้วย 5 อันโดยสามารถไปเลือกบนคีย์บอร์ดได้เลยไม่ต้องใช้ Program ช่วยครับผม


Hardware Level Macro (5 Layers เหนือกว่า Razer มากๆ ครับ) ตั้งได้ถึง 75 Macro โดย Macro ทางกายภาพนี้ดีกว่าแบบใช้ Program ใน Windows มากๆ เพราะว่ามันเหมือนเรากดเองแท้ๆ ไม่ได้มี Program ไปทำจำลอง ดังนั้นมันจึงไม่มีปัญหากับเกมใดๆ ที่อาจจะ conflict หรือห้าม พวกในระดับ software level ทั่วไปครับ ทำให้แบบนี้เหนือกว่ามากๆ ครับ


ทั้งหมดนี้มันทำได้เพราะมันมีแผงควบคุมพิเศษของมันเองในคีย์บอร์ด มี CPU ของมันเองเป็น 32bit ARM Processor ที่มีความเร็วสูงกว่าคีย์บอร์ดดีๆ ทั่วไปครับ และสูงกว่าคีย์บอร์ดบ้านๆ มหาศาลมากๆ ครับผม เรียกได้ว่าเป็น Keyboard ที่แรงมากๆ เลยทีเดียวครับผม




อธิบายก่อนว่า


1. CM Storm Mech และ Trigger Z นั้น ระบบ Macro และประมวลผมเหมือนกันครับผม



2. ระบบประมวลผล Macro ของ Mech และ Trigger Z นั้นเป็นแบบ Hardware Level แท้ๆ ครับผม คือ

2.1 มันเก็บ Profile / Macro ไว้ใน On Board memory เอาเสียบกับเครื่องไหนก็จะเหมือนเดิม มี Profile / Macro เดิมๆ ที่ตั้งไว้ครบครับผม

2.2 ด้วยความที่เป็นมัน Hardware Level จึงไม่ต้องใช้ Program ช่วยในการทำงานครับ

2.2.1 ในเมื่อมันไม่ต้องใช้โปรแกรมช่วยในการทำงาน เอาไปเสียบเครื่องไหนก็สบายครับ ไม่ต้องลงโปรแกรม

2.2.2 ในเมื่อมันไม่ต้องใช้โปรแกรมช่วยในการทำงาน ดังนั้นจะไม่โดนพวก Hack Shield หรือโปรแกรมป้องกันอื่นๆ ของ เกม ใดๆ ตรวจจับและห้ามใช้ครับ มันออกมาจาก Hardware Level เหมือนมนุษย์กดเอง ไม่มีทางที่โปรแกรม/หรือเกม ใดๆ จะรู้ได้เลยว่าเป็น Macro ครับผม


3. โปรแกรมของมันเอาไว้เอานวยความสะดวก ในการปรับตั้ง mapping ปุ่มต่างๆ หรือ แก้ไข edit profile อย่างละเอียดครับผม หลังจากทำเสร็จแล้วก็ไม่จำเป็นต้องใช้โปรแกรมอีกครับ เอาไปเสียบเครื่องไหนก็ใช้ได้ทันทีเลยครับผม


4. นอกจากนั้นมันยังมี Profile ให้เลือกบันทึกได้ถึง 5 Profile ครับ โดยแต่ละ Profile จะตั้งค่าปุ่มอะไรยังไงก็ได้ครับผม


5. สำหรับ Macro บันทึกได้ถึง 75 Macros ด้วยกันครับผม


6. และคุณสามารถ mapping ปุ่มบน keyboard ได้ทุกปุ่มครับผม ว่าจะให้ปุ่มไหนทำหน้าที่อะไร ในแต่ละ Profile ครับ Mapping ได้ทุกปุ่ม ตั้งเป็น Macro ได้ทุก ปุ่มด้วยครับผม


7. Macro ของมันไม่ได้ตั้งได้แค่ Keyboard action นะครับผม ยังรวมไปถึง Mouse action ด้วยครับผม ไม่ว่าจะ click ซ้าย click ขวา หรืออะไรก็ตั้งได้ด้วยครับผม


8. และด้วยความที่มันเป็นแบบ Hardware Level และใช้ Processor ภายในความเร็วสูง จึงไม่ต้องกลัวว่าโปรแกรมหรือ Macro จะรวน เพราะมันไม่ต้องใช้ Program ใน OS Level ครับ


นอกจากนั้นการนำไปใช้นอกสถานที่ก็จะสะดวกมากๆ ด้วยครับผม เนื่องจากไม่ต้องอาศัยโปรแกรมนั่นเองครับผม




เสร็จแล้วมาดูรูปร่างหน้าตาโปรแกรมที่ใช้ในการควบคุมกันดูครับผม





อันแรกนี้เป็นหน้าหลักสำหรับ Mapping ปุ่มต่างๆ บน Profile ต่างๆ ครับผม โดยหลังจากตั้งค่าในนี้เสร็จ มันจะเซฟเก็บไว้ในตัว Keyboard เรียกได้ว่าเป็นการ reprogram พวก firmware ใน keyboard ใหม่ มันจึงสมบูรณ์มากๆ สุดๆ จริงๆ ครับผม

จะเห็นว่าสามารถ remap ได้อย่างสมบูรณ์ทุกๆ ปุ่มจริงๆ ครับผม โดยไม่เกี่ยวว่าจะเป็นปุ่มไหนครับผม





หน้าที่ 2 นี้จะเป็นการจัดการ Profile ครับผม โดยรวมถึงความสามารถในการเปลี่ยนอัตโนมัติ ตามโปรแกรมที่ใช้ได้อีกด้วยครับผม






หน้าที่ 3 นี้จะเป็นการจัดการ จัดการ Macro ครับผม ทั้งบันทึก แก้ไข เปลี่ยนแปลง แก้ไขมาโครโดยละเอียดมากๆ ด้วยครับผม โดยเป็น Macro แบบ 5 Layers ด้วยครับผม (ของ Razer BlackWidow จะเป็น 4 Layers ครับ)

จะเห็นว่าตั้งได้ทั้ง Mouse และ Keyboard ด้วยครับผม สมบูรณ์มากๆ เลยทีเดียวครับผม




นอกจากนั้น Macro ของ CM Storm ทั้ง Mech และ Trigger Z นั้นก็ละเอียดมากๆ ครับผม

เช่น

1. การเลือกบันทึก Macro นั้นสามารถเลือก Delay การบันทึกได้อย่างละเอียดเลยครับผม ว่าแต่ละ action นั้นจะให้***งกันเท่าไหร่ อย่างไร ครับผม




เช่น ก่อนกด Record หรือบันทึก Macro จะมีหน้าต่างให้เลือก option ดังภาพบนครับ

ทัังแบบ

1.1 บันทึกตามความไวจริงๆ ของการกดของเราที่เรากด
1.2 บันทึกแบบกำหนด Delay เลยว่า Delay ของแต่ละ Action ***งกันกี่ มิลลิวินาที หรือกี่วินาที
1.3 แบบไม่มี Delay เลย หรือ God Mode นั่นเองครับ





หรือหลังจากบันทึกไปแล้ว จะแก้ไขเองทีหลังก็ได้ดังภาพเลยครับ

ว่าจะให้เริ่มที่ มิลลิวินาทีไหน และจบตอนไหนครับผม



2. การสั่งให้ Macro นั้น Repeat กี่รอบ หรือ เล่นวนตลอดไป ก็ทำได้ครับผม




ตามภาพเลยนะครับผม จะอยู่ในขั้นตอนของการ assign ปุ่มครับ เลือกเอาเลยจะเอาแบบไหน จริงๆ มันน่าจะ advance ได้มากกว่านี้อีกมากครับ ต้องไปลองกันดูเอาเองครับ ดัดแปลงได้เยอะและสมบูรณ์จริงๆ ครับผม



โดยละเอียดมากๆ ด้วยครับผม



เช่น ก่อนกด Record หรือบันทึก Macro จะมีหน้าต่างให้เลือก option ดังภาพบนครับ

ทัังแบบ

1.1 บันทึกตามความไวจริงๆ ของการกดของเราที่เรากด
1.2 บันทึกแบบกำหนด Delay เลยว่า Delay ของแต่ละ Action ***งกันกี่ มิลลิวินาที หรือกี่วินาที
1.3 แบบไม่มี Delay เลย หรือ God Mode นั่นเองครับ





หรือหลังจากบันทึกไปแล้ว จะแก้ไขเองทีหลังก็ได้ดังภาพเลยครับ

ว่าจะให้เริ่มที่ มิลลิวินาทีไหน และจบตอนไหนครับผม



2. การสั่งให้ Macro นั้น Repeat กี่รอบ หรือ เล่นวนตลอดไป ก็ทำได้ครับผม




ตามภาพเลยนะครับผม จะอยู่ในขั้นตอนของการ assign ปุ่มครับ เลือกเอาเลยจะเอาแบบไหน จริงๆ มันน่าจะ advance ได้มากกว่านี้อีกมากครับ ต้องไปลองกันดูเอาเองครับ ดัดแปลงได้เยอะและสมบูรณ์จริงๆ ครับผม





อันนี้คือความพิเศษของระบบ Macro และควบระบบ key remapping รวมทั้งระบบ ควบคุมของ Trigger Z และ Mech นะครับผม เป็นอะไรที่ผมประทับใจมากที่สุดครับผม



และด้วยความเป็น Hardware Based จึงทำให้มันเทพ และใช้จริงได้ดีมากๆ โดยไม่ต้องกังวลกับโปรแกรมในคอม ไม่ต้องกลัวเกมส์ จะจับได้ เพราะมันเป็นทางกายภาพจาก Keyboard เลย ไม่ใช่จาก Software ในคอมเหมือนยี่ห้ออื่นๆ ครับผม

[Prime Time]

4. CM Storm Mech


เจ้าตัวนี้ก็คือ Trigger Z version โลหะ + มี USB 3.0 HUB และ Sound Card ในตัวนั่นเองครับผม

ผมหมายถึง sound card จริงๆ นะครับผม ไม่ใช่ไปเสียบสาย audio จากหลังคอมมาครับ มันคือ sound card จริงๆ แท้ๆ เลยครับผม


งานประกอบของมันนั้นดีมาก ถึงมากที่สุดรวมทั้งสัมผัสของ Aluminium เองก็สุดยอดครับผม อีก 1 keyboard ที่งานประกอบภายนอกดีที่สุดในท้องตลาดครับผม



การที่มันมี USB 3.0 HUB และ Sound Card ในตัวนั้นสะดวกมากๆ ครับผม โดยเฉพาะกับท่านที่ใช้กับ Notebook หรือ PC แต่ขี้เกียจเดินไปเดินมา


จาก Keyboard มีสาย 1 สายเอาเสียบเข้า Port USB 3.0 หลังคอมครับผม แค่ 1 เส้นครับผม


ที่ Keyboard ท่านจะได้ ช่องเสียบหูฟัง 1 ช่อง Microphone 1 ช่อง และ USB 3.0 พร้อมใช้งานอีก 2 ช่องครับผม โดยมี indicator บอกด้านบนครับผม เสียบง่ายโดยไม่ต้องชะโงกดูครับผม



สัมผัสการพิมพ์ของมันจะคล้าย Trigger Z มากๆ แค่เสียงจะดังกว่า อาจจะเพราะสะท้อนกับโครงโลหะของมันก็เป็นได้ครับผม



2 ตัวนี้เรียกได้ว่าเป็นแฝดกันเลยทีเดียวครับผม เลือกตามรูปทรง/วัสดุที่ชอบ หรือ option ที่ต้องการได้เลยครับผม





5. TT eSport Poseidon Z


เจ้าตัวนี้มาพร้อม switch ของ Kailh สีฟ้าครับผม switch ตัวนี้กับของ Cherry นั้นเรียกได้ว่าแทบจะเหมือนกันทุกประการเลยทีเดียวครับผม




งานประกอบและวัสดุ


งานประกอบภายนอกของเจ้านี่นั้นผมกล้าพุดเลยว่า ดูดีมีราคามากๆ ครับผม ทั้งปิดและเปิดไฟ back light โดยงานประกอบของมันเรียกได้ว่าเทพที่สุดในระดับราคา 2,xxx ครับผม มันจะทำให้ Ducky Zero กลายเป็นของเล่นไปเลยครับผม



สัมผัสการพิมพ์


สัมผัสการพิมพ์บน TT eSport Poseidon Z นั้นจะออกนิ่มนวลครับผม กดได้ลื่นๆ นิ่มๆ แรงต้านน้อย พิมพ์สนุกดีแต่จะ bottom out ได้ง่ายไปเสียหน่อยครับผม แต่จากการใช้งานผมเอง ค่อนข้างชอบเลยทีเดียวครับผม



ลูกเล่น


มาพร้อมไฟสีฟ้า ที่ปรับได้หลายระดับ รวมถึงปุ่มในการ Disable Windows key แบบแยกครับผม

[Prime Time]

6. Ducky Zero


เจ้าตัวนี้มาพร้อมกับ switch สีฟ้า ของ Cherry ครับผม



งานประกอบและวัสดุ


ผมไม่ชอบ Packaging ของมันเลยครับผม รวมทั้งวัสดุที่ Ducky เลือกใช้ด้วยครับผม กล่องมันดูเหมือน Keyboard ราคา 99 บาทครับผม วัสดุที่ใช้แข็งแรงทนทานดีกว่าพวก Keyboard ถูกๆ แต่มองแล้วเหมือน Keyboard 199 ครับผม รวมทั้งสัมผัสของมันด้วยครับผม แต่การประกอบถือว่า Solid แน่นหนาดีครับผม และ Ducky เองเป็น Brand ที่ผลิต Mechanical keyboard โดยตรงและมี Reputation ที่ถือว่าดีทีเดียวครับผม

เจ้าตัวนี้มากับสายแบบถอดไม่ได้ครับผม ติดกับ Keyboard มาเลยครับผมและเป็นสาย Plastic ธรรมดาๆ ครับผม



สัมผัสการพิมพ์


ออก Original ครับผม พิมพ์สนุกดี แต่ถ้าคุณไม่ชอบ Cherry style stabilizer คุณอาจจะไม่ชอบมันนักเวลาที่กดปุ่มยาวๆ ทั้งหลายบนตัวมันครับผม



ลูกเล่น


ไม่มีอะไรเลยครับผม เหมือน Keyboard 99 บาท version Mechanical ครับผม




7/8. Ducky Premier DK9008P


สองตัวนี้ ตัวนึงเป็น Cherry Blue switch อีกตัวเป็น Cherry Red switch ครับผม สำหรับ Red switch นั้น Feeling นุ่มนวล และเงียบมากๆ (ถ้าคุณไม่ bottom out ครับผม) เหมาะกับเล่นเกมส์และยังเอามาพิมพ์ได้แบบสบายๆ ไม่เมื่อยนิ้ว ดีกว่า Rubber Dome แต่ยังพิมพ์ไม่มันส์เท่า Blue switch ครับผม



งานประกอบและวัสดุ


เจ้าตัวนี้ดูภายนอกจะไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ แต่สัมผัสแล้ว OK เลยครับผม วัสดุเป็น PBT รวมถึง Keycaps เองก็เป็น PBT แบบหนาด้วยครับผม งานประกอบจัดว่าแน่นหนา Solid มากๆ ครับผม แต่ผมชอบงานประกอบและวัสดุของ Poseidon Z มากกว่าเจ้าเป็ดตัวนี้ครับครับ

เจ้าตัวนี้มากับสายที่ถอดได้ครับผม โดยมีที่รัดสายอย่างดี(มากๆ) build in สวยงามติดมากับสายเรียบร้อยครับผม



สัมผัสการพิมพ์


ด้วยความที่เป็น PBT keycaps แบบหนา อันนี้คุณต้องลองครับผม มันมี 2 แบบ ถ้าคุณไม่หลงรักมันจนหัวปักหัวปำ คุณก็จะเกลียดมันไปเลยครับผม



ลูกเล่น


มาพร้อมกับ Keycaps WASD สีแดงเอาไว้ให้เปลี่ยนเพิ่มเติมกรณี คุณเล่นเกมส์ FPS ครับผม และนอกจากนั้นมันยังมากับไฟที่ปุ่ม ESC, WASD ด้วยครับผม ปุ่มอื่นๆ นอกจากนั้นไม่มีไฟครับผม ยกเว้นไฟ indicator พวก Numlock หรือ CapsLock ครับผม


ดัานหลังมี Dip switch เอาไว้ปรับ Function ต่างๆ ได้มากมายทั้งรูปแบบ layout และโหมดต่างๆ ครับผม รวมถึงสลับปุ่ม win และ alt สำหรับแฟนๆ Apple ด้วยครับผม

[Prime Time]

9. CM Storm QuickFire Ultimate


เจ้าตัวนี้มาพร้อมกับ Switch สีฟ้าของ Cherry ครับผม จุดเด่นของมันอยู่ที่



มันทำมาจากโรงงาน OEM เดียวกันกับ Filco ครับผม สำหรับ CM QuickFire ทั้งหลาย Filco เป็น Keyboard ที่มีชื่อเสียงมากๆ และราคาแพงครับผม และนอกจากนั้นยังเคยมีฝรั่งขี้สงสัย ซื้อเจ้า QuickFire กับ Filco ไปแกะดูข้างในพบว่าเหมือนกันเลยครับผม สำหรับคุณภาพงานประกอบและการเชื่อม(บัดกรี) ต่างๆ ครับผม


ดังนั้นถ้าท่านอยากได้ Keyboard ชั้นเลิศแบบ Filco ในราคาไม่แพง และมีไฟ เจ้านี่คือทางเลือกของท่านเลยครับผม




วัสดุและงานประกอบ


โดยรวมๆ จัดว่าดีมากๆ ครับผม แต่ไม่เท่า Mech และ Trigger / Trigger Z ครับผม แต่ถึงอย่างไรก็ดียังเป็น Plastic เกรดดีจับแล้วรู้ทันทีว่ามีราคาครับผม ต่างกับ Ducky มากๆ ครับผม งานประกอบ Solid มากถึงมากที่สุดครับผม เดี๋ยวผมจะถ่ายรูปเครื่องในให้ดูทีหลังครับผม หลังจากตัดสินใจลองแกะตัวนี้เล่นๆ ดูครับผม

สายไฟถอดออกได้ รวมทั้งเป็นสายถักอย่างดี(มาก) ด้วยครับผม




สัมผัสการพิมพ์


ให้สัมผัสการพิมพ์ที่ดีครับผม ออกแนวใกล้ๆ Filco ครับผม โดยรวมๆ ผมค่อนข้างชอบมันเลยทีเดียวครับผม




ลูกเล่น


เจ้านี่มาพร้อมกับไฟสีฟ้าสวยงามครับผม ปรับความสว่าง รวมถึง รูปแบบของไฟได้หลายแบบครับผม

[Prime Time]

10. CM Storm Novatouch TKL



เจ้านี่คือของแปลกและของ Rare ครับผม มาพร้อมกับ switch ของ Topre ครับผม เป็น Topre switches น้ำหนัก 45G ครับผม

Topre switch คืออะไรที่ Rare และสุดยอดมากๆ ในโลกของ Keyboard ครับผม มันเป็น switch แบบ Capacitive based ไม่มีหน้าสัมผัสเหมือน Switch ทั่วไป และการกดนั้นให้สัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์มากๆ ครับผม


ด้านในนั้นมีทั้งโคนยางและสปริงโลหะ อยู่ครับผม เพื่อให้สัมผัสรวมทั้ง tactile ที่เป็นเอกลักษ์ครับผม สำหรับคนไทยส่วนมากๆ (รวมทั้งคนส่วนมากบนโลก) ที่พิมพ์แบบ bottom out จะต้องชอบสัมผัสของมันเป็นแน่แท้ๆ ครับผม


ว่ากันว่าไม่มี Feeling อะไรเหมือนการ bottom out Topre switch ครับผม


และก็อีกว่ากันว่า

Rubber Dome ทั่วไปคือการเอานิ้วไปจิ้มในยางหนืดๆ น่าขยะแขยง

Cherry Based switch คือการเอานิ้วไปเต้นบน Spring โลหะให้ความรู้สึกและสัมผัสที่ดีกว่า Rubber Dome มหาศาล หรือดีอย่างเหลือเชื่อ

Topre switch นั้นคือการเอานิ้วไปกดบนหน้าอก (ที่ยังเต่งตึง) ของหญิงสาว ให้ความรู้สึกอัน Unique และ สบายมากๆ ในการใช้งานครับผม


จะเป็นจริงอย่างที่ว่าไหมเดี๋ยวมาชมกันครับผม




Topre switch นั้นผลิตโดย Topre corporation ครับผม เป็นบริษัทในญี่ปุ่นที่ไม่ใช่ไก่กาเลยครับผม ปกติ Topre นั้นผลิตชิ้นส่วน Computer, เครื่องปรับอาการ, switch ต่างๆ รวมทั้ง Product ด้านอื่นๆ เกี่ยวกับยานยนต์ และ Electronic รวมถึง Electro-Mechanical ต่างๆ มากมายครับผม ว่ากันว่ารถญี่ปุ่นทุกคันนั้น อย่างน้อยๆ จะมีผลิตภัณท์ของ Topre อยู่ 1 ชิ้นครับผม



โดยรายละเอียดเรื่อง Topre switch นั้นผม จะขอแยกไปตั้งเป็นอีกกระทู้รวมทั้งการรีวิว Novatouch แบบแยกจากกระทู้นี้อีกทีนะครับผม เนื่องจากรายละเอียดเยอะ เพราะมันแตกต่างมากๆ รวมทั้งมันมีอะไรที่ต้องอธิบายเยอะครับผม โดยจะมี Video review ให้ชมกันด้วยครับผม




มารู้เกี่ยวกับเจ้า Novatouch กันคร่าวๆ ก่อนแล้วกันครับในการเปรียบเทียบครั้งนี้ครับผม




สำหรับ Novatouch นั้น Keyboard ที่แฟนๆ Keyboard รอกันมานานมากๆ ครับผม ใน Forums ต่างประเทศหลายๆ Forum นั้นรอกันมาตั้งแต่เดือนมกราคมต้นปี จนบัดนี้ยังหาซื้อกันไม่ได้ เป็นของ rare ทีเดียวครับผม เคยมีคนมาตั้งกระทู้แจ้งว่า CM เปิดหน้าเว็บให้ Order ทุกคนไป Order กันมากมายแล้วก็ต้องผิดหวังเมื่อ CM ขอคืนเงินให้แทนครับผม เพราะว่าผลิตไม่ทัน เนื่องจาก Topre switch นั้นทำน้อยมากๆ ครับผม


สิ่งที่ทำให้มัน Rare มากๆ คือ ปกติ Topre switch เองก็ค่อนข้าง Rare อยู่แล้ว ราคาแพง หาซื้อยาก และตัวเลือกน้อย แต่เจ้า Novatouch นั้นเป็น Topre keyboard ตัวแรก และน่าจะตัวเดียวในขณะนี้ที่ใช้ Keycaps ร่วมกับ Cherry ได้ครับผม มันจึงเป็นที่ต้องการมากๆ เพราะ Keycaps ดีๆ ที่ทำออกมาขายกันนั้นส่วนมากจะเป็น Cherry Based ทั้งนั้นเลยครับผม




มาว่ากันที่รีวิวคร่าวๆ กันก่อนเลยดีกว่าครับผม



วัสดุและงานประกอบภายนอก

วัสดุและงานประกอบของเจ้านี่นั้นเทพมากๆ ครับผม เพราะว่าเป็น rubberize (อย่างดี) ทั้งตัว เท่านั้นยังไม่พอวัสดุยังให้สัมผัสดีกว่า Keyboard ทั่วไปมากๆ ครับผม ตามเจตนารมณ์ของมันเลย Build to impress หรือสร้างมาเพื่อให้ประทับใจโดยเฉพาะครับผม เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เป็นเพราะมันเป็นสินค้าสำหรับตลาดบนครับผม เป็นสินค้า Niche market ของ Keyboard เลยทีเดียวครับผม ดังนั้นเราจึงไม่อาจเอามันไปเทียบกับ Mechanical บ้านๆ ได้ครับผม

เจ้าตัวนี้มาพร้อมกันสายถอดได้ เป็นสายถักอย่างดี และหรูมากๆ ครับผม



สัมผัสการพิมพ์และการใช้งาน

การพิมพ์บน Topre switch นั้นเป็นอะไรที่ effective มากๆ ครับผม ให้ประสิทธิภาพในการพิมพ์ดีเยี่ยม ผมพิมพ์บน Topre switch ได้ไวขึ้น และผิดน้อยลงครับผม นอกจากนั้น Feeling ของมันเองยังเรียกได้ว่า Unique มากๆ ครับผม เวลากดลงไปแต่ละทีนั้น มันไม่ใช่ rubber dome แต่ก็ไม่ใช่ Mechanical ทั่วไปครับผม ให้ประสบการณ์การพิมพ์ที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะการพิมพ์แบบออกอารมณ์ bottom out ทุกครั้งนั้้น ทั้งเสียง สัมผัส ของมันสุดยอดมากๆ สมคำร่ำรือครับผม ไม่ใช่แค่ผมที่รู้สึกเช่นนี้ครับผม บรรดาเหล่าเซียน keyboard หรือผู้ใช้ 90% ตาม Forums ต่างประเทศนั้นล้วนแล้วแต่ยกให้ Topre เป็นที่ 1 เหนือ Cherry แทบทั้งนั้นครับผม

และเนื่องจากเป็น Keyboard ที่เน้นขายประสบการณ์การพิมพ์อันสุดยอด มันจึงมาพร้อมกับ O-ring รองใต้ Keycaps สำหรับเปลี่ยนฟีลลิ่งการพิมพ์ได้ 2 แบบ ครับผม สุดยอดจริงๆ ครับผม



ลูกเล่น

เจ้าตัวนี้เป็น Torpe keyboard ไม่กี่ตัวบนโลกที่เอามาเล่นเกมส์ได้โดยสมบูรณ์ เพราะมันมี function N-Key rollover มาเลือกใช้ด้วยครับผม นอกจากนั้นยังมี Function พวก repeat rate และอื่นๆ ที่จำเป็นมาด้วยครับผม

นอกจากนี้มันยังใส่ Keycaps ของ Cherry ได้โดยสมบูรณ์ 100 ครับผม ตามภาพด้านบนผมทดสอบเรียบร้อย ใส่ได้สมบูรณ์ดีทุก Caps ครับผม




สำหรับรีวิวฉบับเต็มของ Novatouch และ Video รีวิวของ Novatouch ที่จะลงลึกในรายละเอียดของมันจะตามมาเร็วๆ นี้ครับผม พอดีช่วงนี้งานผมเยอะไปสักหน่อยต้องขออภัยด้วยครับผม

[Prime Time]

วีดีโอข้างล่างนี้คือเสียงของแต่ละตัวนะครับผม

http://www.youtube.com/watch?v=fXDAktWGVX4

Note ไว้ว่าผมกดแบบไม่ได้ bottom out นะครับผม


มาที่สรุปการใช้งานและลำดับคำแนนเลยนะครับผม




A. สำหรับคะแนนรวมในเรื่องประสบการณ์การพิมพ์ที่ตัวผมเองประทับใจนั้นผมเรียงดังนี้ครับผม เน้นเรื่องประสบการณ์การพิมพ์และความสุขในการใช้งานอย่างเดียวไม่เน้นเรื่องอื่นๆ นะครับผม


อันดับที่


1. CM Storm Novatouch พิมพ์ได้ดีและให้ฟีลลิ่งดีสม่ำเสมอทุกอารมณ์ครับ ทั้ง bottom out และไม่ bottom out


2. Razer BlackWidow Ultimate 2014 พิมพ์ได้สนุกที่สุด สำหรับผมเวลาที่ผมชอบความสนุก (แต่สนุกไม่ได้หมายความว่าดีนะครับ) เฉพาะเวลาที่ไม่ bottom out เลยกดลงไปแค่เสี้ยว mm แค่จุด actuation point แล้วย้ายนิ้วลอยไปจิ้มปุ่มอื่นต่อแบบนั้นครับผม


3. CM Storm Trigger Z ไม่รู้ทำไมแต่ผมชอบ Feeling การพิมพ์ของมันมากกว่าด้านล่างนิดหน่อยครับผม


4. CM Storm Mech / CM Storm QuickFire Ultimate


5. Ducky Premier (ผมไม่ชอบ Stabilizer ของมันเท่าไหร่ครับผม)


6. TT Poseidon Z


7. Ducky Zero





B. สำหรับคะแนนรวมในเรื่อง Macro

อันดับที่

1. CM Storm Mech / Trigger Z

1. CM Storm Mech / Trigger Z

1. CM Storm Mech / Trigger Z

1. CM Storm Mech / Trigger Z

1. CM Storm Mech / Trigger Z

9. CM Storm Trigger

10. Razer BlackWidow Ultimate (ผมเลือกจะไม่ใช้ Macro บนตัวนี้ครับ)





C. คะแนนรวมเรื่อง Function ต่างๆ

อันดับที่

1. CM Strom Mech






ประมาณนี้ครับผม สำหรับคะแนนจากใจของผมเลย







และถ้าหากให้ผมเลือก เน้นถ้าเป็นตัวผม หรือผมแนะนำเพื่อนของผม แบบไม่มี BIAS ใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเงินผมทั้งนั้น ผมเลือกชอบดังนี้ครับผม


กรณีที่ 1 ผมไม่ต้องการ Macro ผมต้องการประสบการณ์การพิมพ์ ถ้าผมเลือกได้ 1-2 อันผมจะเลือกตามลำดับตามนี้ครับ

อันแรก CM Storm Nova touch

อันที่สอง Razer BlackWidow Ultimate ครับผม




กรณีที่ 2 ผมต้องการ Macro และประสบการณ์ในการพิมพ์ที่ดีไปพร้อมๆ ถ้าผมเลือกได้ 1- 2 อันผมจะเลือกตามลำดับตามนี้ครับ

อันแรก CM Storm Mech/ Trigger Z

อันที่สอง Razer BlackWidow Ultimate ครับผม



กรณีที่ 3 ผมงบจำกัดต้องการประสบการณ์การพิมพ์ที่ดี ผมเลือกดังนี้ครับผม

อันแรก CM Storm QuickFire Ultimate เพราะ QuickFire นั้นมาจากโรงงานเดียวกับ Filco ประสบการณ์การพิมพ์และคุณภาพนั้นไม่ด้อยกว่ากันเลย + กับเป็น Blue switch จาก Cherry แท้ๆ ที่ระยะยาวมากๆ น่าจะสบายใจได้มากกว่า และราคาของมันแพงกว่าพวกรุ่นประหยัดไม่กี่บาท กินข้าวมือเดียวก็หมดแล้วครับ เพิ่มนิดนึงเพื่อความสบายใจผมเอาอันนี้ครับ

อันที่สอง กรณีผมงบจำกัดและกะใช้ไปได้สัก 2-3 ปีก็คุ้มแล้ว ผมเอา TT eSport Poseidon Z ครับผม ประสบการณ์การพิมพ์นั้นดีไม่แพ้รุ่นแพงๆ แต่ราคาคุ้มสุดๆ งานประกอบดี วัสดุดี



กรณีที่ 4 ผมต้องการ Keyboard แบบสารพัดประโยชน์ พิมพ์ดี option ต่างๆ ครบครันด้วย Macro ใช้ได้จริงด้วย ผมเลือกดังนี้ครับผม

อันแรก CM Storm Mech / Trigger Z และนอกเหนือจากนั้นมัน OEM โดย Costar คนที่ผลิต Keyboard ให้ Filco ด้วยครับผม ดังนั้นงานและ Feeling ของมันนั้นได้จริงๆ ครับผม

อันที่สอง ไม่มีครับ





สุดท้ายสำหรับตัวผมเองจริงๆ หลายท่านอาจจะสงสัยว่าผมเลือกอะไรบ้าง ผมเลือกดังนี้ครับผม


อันแรกผมเลือกเก็บ Novatouch เพราะประสบการณ์การพิมพ์ที่มันให้นั้น หาไม่ได้อีกแล้ว และไม่รู้หลังจากนี้จะมีมาขายอีกไหม เพราะดูท่าแล้ว CM ไม่ได้อยากขายเท่าไหร่ ต้นทุนอาจจะสูงหรือมีปัญหา Supply shortage และถึงผมมีเงินผมก็ต้องไปซื้อ HKKB2 หรืออื่นๆ ที่ไม่สามารถ customize keycaps ได้ดีเท่าเจ้านี่อยู่ดี

อันที่สองผมเลือกเก็บ BlackWidow (ความชอบส่วนตัว เพราะผมพิมพ์บนมันแล้วมีความสุขดีหลังจากชินแล้ว เน้นสนุกสนาน)

อันที่สามผมเลือกเก็บ CM Storm Trigger Z ครับผม (จริงๆ ตัวนี้ผมให้คะแนนเท่า Mech แต่ที่ผมขาย Mech ออกเพราะมันกินพื้นที่เกินไป แค่นั้นครับ)


นอกนั้นผมขาย - แจก ทิ้งหมดครับผม

[Prime Time]

ตามนี้เลยครับ สำหรับประสบการณ์ทดสอบแบบ Group test Mechanical ทั้งหลายของผมในวันนี้ครับผม สำหรับรีวิวในเชิงลึกของ Novatouch ผมขอติดไว้ก่อนติดตามกันได้เร็วๆ นี้ครับผม



และคืนนี้ว่างๆ ถ้าผมไม่ง่วงสลบไปก่อน ผมตัดสินใจจะแกะ CM Storm QuickFire ให้ชมกันว่างานจากโรงงาน Filco นั้นภายในจะดีเหมือนที่ฝรั่งว่ากันหรือแกะกันไหมอีกรอบครับผม เดี๋ยวเสร็จแล้วถ่ายรูปมาเพิ่มในกระทู้นี้ครับผม




วันนี้ลากันไปเท่านี้ก่อน ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามด้วยครับผม ขอบคุณครับ

[Prime Time]

จองไว้เพิ่มเติมข้อความในอนาคตครับผม เผื่อมีอะไรเพิ่มเติมครับผม


เพิ่มเติมครั้งที่ 1

สวัสดีครับมาต่อกันตามสัญญานะครับผม สำหรับการแกะภายในของเจ้า CM Storm QuickFire Ultimate ดูว่าภายในนั้นจะประกอบมาดีดังคำร่ำลือไหมนะครับผม



ก่อนอื่นเลยต้องขออภัยกับพื้นห้องงานฝีมือของผมก่อนนะครับผม พอดีไม่ได้เอาขึ้นไปถ่ายห้องนอนเพราะแฟนหลับอยู่ เลยมาถ่ายห้องทำงานฝีมือด้านล่างเงียบๆ ซึ่งบังเอิญห้องนี้ผมลากของไปมาบ่อย พื้นเลยสภาพยับเยินอย่างที่เห็นครับผม ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับผม




ภาพแรก ก่อนทำการแกะออกมาดูครับผม







ภาพที่สองนี้ หลังจากไขน็อตและเปิดฝาออกจะพบกับ Module keyboard แท้ๆ ซึ่งเป็น Module มาเลย ประกอบด้วย แผ่นเหล็กชั้นบนสุดชุบสีฟ้าสดมานะครับผม switch นั้น mount กับแผ่นเหล็กนี้รอบหนึ่งก่อนจะไปยึดติดกับ PCB อีกทีครับผม








หัวใจของ Keyboard แต่ละตัวส่วนมากจะอยู่มุมนี้แหละครับผม เป็น IC ควบคุมการทำงานต่างๆ ของ Keyboard ครับ







ผมลองพลิก หน้าหลัง ดู การเชื่อม/บัดกรี ต่างๆ ทำได้ดีครับผม ไม่มีร่องรอยของการเร่งรีบแต่อย่างใดครับ เนี๊ยบๆ เลยครับผม คราบที่เห็นนั้นไม่ได้เกิดจากโรงงานนะครับผม เกิดทีหลังหลังจากมันใช้งานมาสักระยะ ตามสภาพอากาศครับผม











จากมุมต่างๆ จะเห็นว่ามันยึดบนแผ่นเหล็กอย่างดีนะครับผม หนาและหนักมากๆ ด้วยการนี้สัมผัสการพิมพ์ของมันจึง Solid มาก และอดทนมากๆ อย่างที่เห็นในคลิปต่างๆ รถทับไม่พังนั่นแหละครับผม เพราะแผงโลหะนั้นจะรับภาระรับแรงทั้งหมดไว้เองดูได้จาก มันมีขายื่นมารองรับด้านหลังด้วยครับผม PCB จะไม่ต้องสัมผัสหรือรับแรงเค้นใด ๆเลยครับผม








หลังจากนั้นประกอบกลับ โอเค เปิดติด โล่งอกไปครับผม







ก็ประมาณนี้แหละครับเพื่อนๆ สำหรับรีวิวภายในของเจ้า QuickFire Ultimate ก็สมกับที่เว็บต่างประเทศนิยมกันเพราะว่างานดีจริงๆ สมกับออกมาจากโรงงานเดียวกับ Filco ครับผม ท่านใดหาอยู่อยากได้ทนๆ ใช้ดีๆ ผมว่ารุ่นนี้ไม่ผิดหวังครับผม

[Prime Time]

จองไว้เพิ่มเติมข้อความ เผื่อมีอะไรเพิ่มเติมครับผม ขอบคุณครับ

[NeroAngel]

รอแจก เอ้ยรีวิว

[grungust]

ความรู้สึกที่กดยางขยะแขยง อันนี้พอเก็ต
ความรู้สึกที่กดสปริงดึ๋งๆ อันนี้ก็เก็ต

ที่ไม่เก็ตคือความรู้สึกที่กดหน้าอกที่เต่งตึงของหญิงสาว...

เท่าที่ผมจะจินตนาการออกคงจะคล้ายๆกับ สิ่งที่เบากว่าสปริง ไม่มีแรงเฉื่อย ไม่มีแรงดีดกลับ กดจมแน่นนิดๆ ยกนิ้วออกก็ลอยติดนิ้วมา ต่อให้กดรัวๆก็ไม่รู้สึกถึงแรงเฉื่อยแรงหน่วงหรือแรงดีดกลับ เพราะคีย์จะแนบติดนิ้วอย่างนุ่มนวลเหมือนจิ้มนมสาว (ญี่ปุ่นคงจะเชี่ยวชาญเรื่องนมสาวเป็นพิเศษสินะ!!) ไม่รู้ว่าผมอธิบายถูกรึเปล่า ถ้าใครยังไม่เคยสัมผัสนมสาว ก็ลองจิ้มแก้มก้นตัวเองไปก่อนนะครับ อาจจะคล้ายๆกันแต่ไม่มาก